วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การเรียนของเด็กชั้นอนุบาล ๓ (เตรียมประถม) -๑

 ไม่ใช่รูปน้องแชงนะคะ เป็นรูปเด็กอนุบาลที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองไทย กำลังเรียนบวกเลข เห็นน่ารักดี เอามาแปะไว้ 

เนื่องจากเทอมหน้า น้องแชงลูกชายคนโต จะเข้าเรียนในชั้นอนุบาล ๓ แล้ว  ดิฉันจึงต้องเริ่มกลับมาทบทวนการเรียนสำหรับเด็กในชั้นอนุบาล ๓ อีกครั้ง  เพื่อเตรียมความพร้อมของน้องแชง ก่อนที่จะเข้าเรียนในชั้นเรียนใหม่

ก่อนปิดเทอมที่แล้ว ทางโรงเรียนของน้องแชง เชิญผู้ปกครองของเด็กชั้นอนุบาล ๒ (K2) ทั้งหมดเพื่อรับทราบการเปลี่ยนแปลงระบบการเรียนการสอนของเด็กในชั้นอนุบาล ๓ ว่ามีการแตกต่างจากชั้นอนุบาล ๑ และ ๒ อย่างมาก   ในต่างประเทศนี้ ไม่ได้ใช้คำว่า  K3 (Kindergarten 3) แต่จะใช้คำว่า  "Prep Class" หรือ "Reception Class "  เพื่อเตรียมความพร้อมของเด็กในการเรียนวิชาการในชั้น ประถมต่อไป

ในการเรียนชั้นอนุบาล ๑ และ ๒ นั้น การเรียนของเด็ก จะเน้นเรื่องการเล่น  การปฎิบัติเป็นส่วนมาก  ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕  ให้เด็กได้เห็น  ได้สัมผัส ลิ้มรส  ดมกลิ่น  แล้วรับรู้เรื่องราวต่างๆ  ตลอดจนฝึกกล้ามเนื้อมือ นิ้ว  แขน ขา  การเคลื่อนไหว  ดังนั้นการเรียนในชั้นอนุบาลนั้น จึงเป็นการเล่น ซะเป็นส่วนใหญ่  เช่น การเล่นปั้นแป้งโดว์   การระบายสี  การวาดรูป   การทำงานประดิษฐ์  การวิ่งเล่นออกกำลังกาย  ปีนป่าย  การเต้น ร้องรำ ทำเพลง   ดนตรี

แต่ในการเรียนชั้นอนุบาล ๓ นั้น เป็นการเริ่มสอนเด็กให้เรียนรู้อย่างเป็นระบบ  และจะต้องเริ่มมีการท่องจำ กฎต่างๆของธรรมชาติ  เช่น  เรื่องของเวลา  วัน  เดือน  ปี   เงินตรา  ฤดูกาล  และอื่นๆที่จะเล่าให้ฟังต่อไป   ซึ่งหากเราไม่ได้ค่อยๆสอนลูกมาแต่เล็กแต่น้อย  จเริ่มตอนนี้ก็ไม่สาย   แต่หากไปรอให้เด็กมาจดจำในชั้นประถม  เด็กอาจจะมีภาระในการจำที่หนักเกินไป  เพราะในชั้นประถม จะมีเรื่องสูตรคูณต่างๆ  และกฎของภาษาอะไรอีกมากมาย มาเกี่ยวข้อง  เมื่อถึงเวลานั้น หากเราปล่อยให้ทุกอย่างเป็นดินพอกหางหมู  เด็กๆอาจจะมีปัญหาการเหนื่อยล้า และปรับตัวยากกับวิธีการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไป และมีทัศนคติที่ไม่ดีกับโรงเรียนได้

ดิฉันเคยอ่านเรื่องราวหลายๆกระทู้ของคุณแม่หลายๆท่าน ที่ลูกเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่หนึ่ง ซึ่งประสบกับปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียน  ลูกไม่อยากทำการบ้าน ลูกมีปัญหาเรื่องการเรียนไม่ทันเพื่อน  โดยเฉพาะเด็กๆที่เข้าไปในโรงเรียนแบบวิชาการเข้มแข็ง ก็อาจจะมาจากสาเหตุนี้ กล่าวคือ พ่อแม่ไม่ได้รับรู้ว่าการเรียนในขั้นต่อไปของเด็ก เด็กจะต้องเผชิญอะไรบ้าง  และไม่ได้เตรียมเด็กให้รับมือกับมันก่อน  ดังนั้น การที่ทางโรงเรียนของน้องแชง เชิญพ่อแม่มาพูดคุย เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่ลูกจะเผชิญในปีการศึกษาหน้า ดิฉันถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก และโรงเรียนควรทำ   แต่น่าเสียดาย ที่พ่อแม่ของเพื่อนๆน้องแชงหลายๆคนไม่ได้ให้ความสนใจ  และไม่ได้มาร่วมรับฟัง ซึ่งอาจจะเสียโอกาสที่จะเตรียมความพร้อมของเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการฝึกวินัย และการทำความเข้าใจกับเรื่องธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น พ่อแม่หลายๆท่าน ไม่ต้องการให้ลูกเรียนในชั้นอนุบาล  ๓  แต่ให้ข้ามเพื่อเข้าเรียนในชั้นประถม ๑ ของโรงเรียนชั้นนำไปเลย   เพื่อลดเวลาเรียนของลูกให้สั้นลง  ดิฉันสังเกตว่า มีหลายกระทู้ที่มาหารือ เรื่องของการขออนุญาตโรงเรียนเพื่อให้เด็กไปสอบก่อนเำกณฑ์อายุ ที่โรงเรียนกำหนด  เนื่องจากพ่อแม่เหล่านั้น ไม่เข้าใจว่า การเรียนชั้นอนุบาล ๓ นั้น มีส่วนช่วยลูกเรื่องการปรับตัวเรื่องการเรียนในชั้นประถมได้มาก

ดังนั้นในเรื่องที่จะเขียนต่อไป ก็จะมาเล่าเรื่องสิ่งที่เด็กๆจะเรียนในชั้นอนุบาล ๓ เพื่อที่พ่อแม่หลายๆท่าน อาจจะใช้เป็นข้อมูลในการดูแลลูกๆที่อยู่ในวัยของน้องแชงต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: