วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ข้อคิดเรื่องพ่อค้าวาณิช นักปราชญ์และนักศึกษาหนุ่ม

มีนิทานอีกเรื่องนึง จากหนังสือ "มีลูกกี่คนก็รวยได้ ถ้าใช้เงินเป็น" ของคุณสุวิภา เจริญยิ่ง


นานมาแล้ว บนเรือโดยสารเพื่อข้ามแม่น้ำสายหนึ่ง มีคนโดยสารอยู่กว่า 10 คน คือ พ่อค้าวาณิช นักปราชญ์และ นักศึกษาหนุ่ม และคนอื่นๆ  สามคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มาร่วมชะตากรรมด้วยกันในเรือลำนี้

การเดินทางครั้งนี้ พ่อค้าพกพาสมบัติมาด้วยมากมาย เพราะคิดว่าจะห่างบ้านหลายวัน ด้วยความห่วงกังวล เลยเอาติดตัวมาด้วย  ในขณะที่นักปรารชญ์ และ นักศึกษา ไม่ได้พกอะไรมาด้วยมากมาย  ซึ่งพ่อค้าก็ได้แต่เยาะเย้ย เฝ้าแต่โอ้อวดความสำเร็จ ความร่ำรวยของตน

ขณะที่พ่อค้ากำลังโอ้อวดความร่ำรวยของตนอยู่นั้น ก็มีโจรสลัดมาประชิดเรือและปล้นเอาทรัพย์สินของคนในเรือไปหมด รวมทั้งของพ่อค้าวาณิชนี้ด้วย ทำให้ทรัพย์สินมากมายที่ติดตัวมานั้น ถูกนำไปจนหมดสิ้น ในขณะที่นักปรารชญ์และนักศึกษาหนุ่ม กลับไม่มีทรัพย์สินให้ปล้น

พ่อค้าวาณิชฟูมฟายด้วยความเสียใจ ต่อว่านักปราชญ์และนักศึกษาหนุ่มว่า "เจ้าคงไม่เสียใจ เพราะเจ้าไม่ได้นำทรัพย์สินติดตัวมา จึงไม่ถูกปล้น"

แต่นักปราชญ์ และนักศึกษาหนุ่ม กลับตอบว่า สิ่งที่พวกเขาติดตัวมานั้น คือสติปัญญา และความรู้ที่ติดตัวพวกเขาไปทุกแห่ง และไม่มีใครปล้นไปได้


ในยุคปัจจุบัน บุคคลที่ทำรายได้เป็นจำนวนมาก โดยไม่ีมีข้อจำกัดเรื่องวัย หรือ ปริญญาที่มี คือ  ผู้ที่ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอาวุธ  ไม่ว่าจะเป็น บิลล์ เกตต์   เจ้าของไมโครซอฟต์   สตีฟ จอบส์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Apple   หรือ มาร์กซัคเกอร์เบิร์กผู้ก่อตั้งเครือข่ายเฟซบุ๊ก  หรือแม้แต่วอร์เร็ต บัฟเฟตต์  ทุกท่าน แม้จะต่างวัย แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ สิ่งที่สร้างความสำเร็จ และความร่ำรวยของพวกเขา ไม่ได้มาจากใบปริญญาจากสถาบันดัง  หรือ มาจากทรัพย์สินที่เป็นมรดกตกทอด   แต่หากเป็น "ทรัพย์สินทางปัญญา"  ที่นำพาความรู้ความสามารถ มาสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในโลกปัจจุบัน

การปลูกฝังลูกให้มีนิสัยรักการเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะต่างๆทั้งทฤษฎีและปฎิบัติ  กล้าคิด กล้าลองทำ ให้เด็กๆมีโอกาสค้นหาเคล็ดลับความสำเร็จเฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ติดตัวลูกไป และไม่มีใครจะมาปล้น หรือแย่งชิงไปได้ค่ะ








ไม่มีความคิดเห็น: