วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องเล่าจากคุณแม่ปากเปราะ ถึงคุณแม่จอมเฮี๊ยบ (4)

แม่เสือสอนลูก - Battle Hymn of  the Tiger Mother

ดิฉันขอข้ามมาเล่าเรื่องราวในตอนสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้  มันเป็นบทเฉลยที่ชัดเจน ว่าสาเหตุใดที่เธอเขียนหนังสือที่แรงขนาดนี้      Amy Chua เขียนหนังสือเล่มนี้ ในวันที่ 29 มิถุนายน 2009 หลังจากที่เธอและครอบครัว กลับจากการเดินทางไปรัสเซีย ในระหว่างที่ไปรัสเซียนั้น มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอ ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงลูกของเธอ  และในยามที่เขียนหนังสือเล่มนี้  เธอให้ลูกทั้งสองคนของเธอ และสามี ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ไปพร้อมๆกัน   เธอเล่าว่า

" มีบางส่วนที่ดิฉันต้องเขียนใหม่หลายสิบครั้งก่อนที่ทั้งโซเฟียและลูลูจะพอใจ  บ่อยครั้งที่คนใดคนหนึ่งจะอ่านบทร่าง ต่อมน้ำแตกและเดินกระแทกเท้าออกไป "

"ทว่า เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งได้อ่านมากขึ้นเท่าใด ทั้งสองก็ยิ่งมีส่วนร่วมมากขึ้นเท่านั้น ความจริง มันเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง-- อันเป็นแนวคิดแบบฝรั่ง"

เรื่องราววิธีการเลี้ยงลูกสุดโหดของเธอ เพื่อให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ ทางดนตรีนั้น คงไม่จบลงแบบ Happy Ending เยี่ยงนี้ หากเธอไม่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ที่เป็นเสมือนการปรับความเข้าใจกับครอบครัว  เปรียบเสมือนการขอโทษลูกและสามี  และยินยอมพร้อมใจ ที่จะปล่อยวาง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในรัสเซีย และก่อนหน้านั้น คือ เธอต้องฟาดฟันกับความพยศ และประกาศอิสรภาพของลูกสาวคนเล็กอย่างรุนแรง   ลูกของเธอนั้น ต่อต้านเธอมาแต่เล็ก จนกระทั่งอายุ 13 ปี ลูกสาวคนเล็กของเธอ มีปัญหาพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ไร้มรรยาท  ไม่เพียงแต่กับเธอเท่านั้น แต่กับครูที่สอนดนตรีของเธอด้วย   

มีอยู่คืนหนึ่ง หลังจากที่ลูกสาวคนเล็กประท้วงการซ้อมไวโอลินอย่างหนัก ด้วยการไม่ยอมซ้อมตามตารางที่กำหนด  ลูลู ปิดประตูเงียบในห้องหลายชม.  เมื่อ Amy เดินเข้าไปในห้อง เธอพบว่าลูกสาวของเธอ เอากรรไกร ตัดผมแสนสวยของเธอทิ้ง อย่างไม่แยแสความงาม    ในวันนั้น เธอเล่าว่า

"เจด (สามีของเธอ) พูดกับฉันหลังจากนั้นว่า "เราต้องเปลี่ยนแล้วนะเอมี เรากำลังมีปัญหาใหญ่แล้ว"

"เป็นครั้งที่สองในคืนนั้นที่ดิฉันอยากจะปล่อยโฮออกมา แต่ดิฉันกลับกลอกตา "ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกนะ" ดิฉันว่า "อย่าทำเรื่องที่ไม่ใช่ปัญหาให้เป็นปัญหาหน่อยเลย ฉันจัดการได้"

และในระหว่างการเดินทางในมอสโคว  ความเข้มงวด เจ้ากี้เจ้าการ ของเธอ ทำให้ลูกสาวคนเล็กของเธอ อาละวาดในร้านอาหาร ท่ามกลางคนจำนวนมาก 

"แม่ไม่รักหนู" ลูลูพ่น  "แม่แค่คิดว่า รัก แต่แม่ไม่รักจริง แม่ทำให้หนูรู้สึกไม่ดีกับตัวเองทุกๆวินาที  แม่ทำลายชีวิตหนู  หนูทนไม่ได้ที่จะเห็นแม่อีกต่อไปแล้ว  นี่ใช่มั๊ยที่แม่ต้องการ?"

"แม่เป็นแม่ ที่ แย่ที่สุด เห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดถึง คนอื่นนอกจากตัวเอง ทำไม...แม่ไม่เชื่อว่าหนูอกตัญญูได้ขนาดนี้หรือ?  แม่ทำทุกอย่างเพื่อหนูหรือ?   ทุกอย่างที่แม่ทำก็เพื่อตัวเองทั้งนั้น"

แล้วลูกสาวของเธอก็ืื้ท้าทายเธอ ด้วยการเขวี้ยงแ้ก้วลงบนพื้นร้านอาหาร ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก  เหตุการณ์นี้ ทำให้ Amy ช็อก ตกใจไปกับความหยาบคาย ไร้มรรยาทของลูก จนต้องวิ่งหนีอย่างคนเสียสติไปที่จตุรัสแดง

หากเพื่อนๆได้อ่านเรื่องราวนี้หมดทั้งเล่ม  เพื่อนๆก็อาจจะรู้สึกสะใจ ที่แม่อย่างเธอได้รับบทเรียนอย่างสาสม  เพราะสิ่งที่เธอทำกับลูกสาวทั้งสองของเธอนั้น เข้าขั้นทารุณกรรม  หลายๆต่อหลายครั้งลูกสาวของเธอ ถูกบีบบังคับให้ซ้อมอย่างต่อเนื่องจนเธอพอใจ จนไม่ได้ทานอาหารค่ำ   

"ดิฉันถลกแขนเสื้อและเดินกลับไปหาลูลู (ซึ่งตอนนั้นเป็นเด็ก 7-8 ขวบ) งัดอาวุธและกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างที่คิดขึ้นได้ นั่งซ้อมกับเธอจนดึกดื่นเลยเวลาอาหารเย็น โดยไม่ยอมให้เธอลุกจากเก้าอี้ไปดื่มน้ำหรือแม้แต่เข้าห้องน้ำ บ้านของเรากลายเป็นสนามรบ ดิฉันทั้งพูดดีด้วย ทั้งตวาดจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่ดูเหมือนจะมีแต่ความก้าวหน้าเชิงลบจนแม้แต่ตัวดิฉันเองก็เริ่มไม่แน่ใจ"

การฝึกชนิดโหดมหาหินนี้ ส่งผลให้ลูกทั้งสองของเธอ ฝึกทักษะการเล่นได้ก้าวหน้า เหนือเด็กรุ่นเดียวกันมากมาย และนำความภาคภูมิใจมาสู่เด็กๆ และตัวเธอ ที่เห็นความก้าวหน้า   เธอจึงใช้เทคนิคนี้ต่อเนื่องยาวนาน  จนลูกไม่ยอม และมีผลต่อพฤติกรรมของลูกคนเล็ก และทัศนคติที่มีต่อครอบครัวอย่างรุนแรง  

Amy กล่าวในหนังสือของเธอว่า " พ่อแม่ฝรั่งจะมัวแต่กังวลกับความมั่นใจของลูก แต่ในฐานะพ่อแม่ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่คุณสามารถทำกับความมั่นใจของลูกก็คือ การปล่อยให้พวกเขายอมแพ้ ในทางตรงกันข้าม ไม่มีอะไรที่ช่วยสร้างความมั่นใจได้ดีไม่กว่าการได้รู้ว่า คุณสามารถทำอะไรบางอย่างที่คุณคิดว่าทำไม่ได้"

แต่สิ่งนึงที่ Amy ไม่กล่าวถึงในตอนแรกก็คือเรื่องปัญหาของความสัมพันธ์ของครอบครัวของบิดาของเธอ   ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่เธอเฉลยในตอนจบ ว่าคุณพ่อของเธอก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ ได้รับความกดดันอย่างหนักจากย่าของเธอ  ถูกเปรียบเทียบกับพี่น้องคนอื่นๆ  จนไม่มีที่จะยืน  เมื่อพ่อของเธอสามารถโยกย้ายมาเรียนและทำงานในสหรัฐอเมริกา  เขาก็เลือกที่จะทิ้งครอบครัวพ่อแม่พี่น้องที่ฟิลิปปินส์  โดยไม่คิดจะกลับไปคบหาเจอหน้ากันอีกเลย   ความทรงจำของพ่อของเธอที่มีต่อแม่ของเขานั้น เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ที่ยากจะให้อภัย และเขาก็ไม่กลับไปเยี่ยมครอบครัว พ่อแม่พี่น้องอีกเลยตั้งแต่จากมา

บิดาชาวจีนที่เชื่อถือวัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างสูง ในการดำรงชีวิต ละทิ้ง ความกตัญญู ที่เป็นคุณธรรมสำคัญที่ชาวจีนทุกคนต้องปฎิบัติ  เพราะความเจ็บช้ำบาดหมาง จนยากที่จะให้อภัย จากการกระทำของแม่ของท่านเช่นกัน เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอ ที่พร่ำกล่าว ต่อว่าต่อขานเธอรุนแรงแต่เด็ก ที่มีแม่แบบเธอ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับพฤติกรรมของลูกสาวคนเล็กของเธอ  ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆห่างเหิน ไม่สนิทสนม ไม่เชื่อฟังของลูก ทำให้เธอตระหนักในเรื่องนี้  ในฐานะแม่ที่รักลูกเต็มหัวใจ เธอไม่อยากจะสูญเสียลูกไป เธอจึงยินยอมที่จะปล่อยวาง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อลูก เพื่อเยียวยา ความสัมพันธ์กับลูกๆ มิให้ร้าวฉานไปมากกว่านี้


ไม่มีความคิดเห็น: