วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องเล่าจากคุณแม่ปากเปราะ ถึงคุณแม่จอมเฮี๊ยบ (2)

แม่เสือสอนลูก - Battle Hymn of  the Tiger Mother

เท่าที่อ่านจากบทวิจารณ์ หรือ ความเห็นของนักวิจารณ์หลายๆท่าน  คนส่วนมาก จะให้ความสำคัญกับจุดยืนในการสอนลูกของเธอ  ซึ่งสำหรับดิฉันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่ประการใด เพราะดิฉันเองก็เติบโตมาในครอบครัวคนจีนโพ้นทะเล  คำสอนสุดเฮี๊ยบแบบนี้ รวมทั้งวิธีการสอนแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่เคยคุ้น

สิ่งที่เธอไม่อนุญาตให้ลูกของเธอทำเป็นอันขาด คือ


  • ค้่างคืนบ้านเพื่อน
  • มีนัดเล่นกับเพื่อน
  • เล่นละครโรงเรียน
  • บ่นกระเง้่ากระงอดที่ไม่ได้เล่นละครโรงเรียน
  • ดูโทรทัศน์หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์
  • เลือกกิจกรรมพิเศษตามใจชอบ
  • สอบได้เกรดต่ำกว่า A
  • ไม่ไ้ด้ที่ 1 ในทุกวิชา ยกเว้นวิชาพละ และการละคร
  • เล่นเครื่องดนครีอื่น ยกเว้นเปียโน และไวโอลิน
  • ไม่เล่นเปียโน หรือไวโอลิน
เธอเล่าว่า คนจีนมีความเชื่อว่า หากลูกไม่เป็นเลิศในโรงเรียน หมายความว่า มี "ปัญหา"บางอย่าง หรือ ไม่ก็เพราะพ่อแม่ ไม่ทำหน้าที่ของตน    ซึ่งดิฉันเองก็เชื่อว่าเป็นความจริง  พ่อแม่จีน มักชื่นชมลูกที่เรียนเก่ง มาตั้งแต่โบราณกาลที่มีการสอบจอหงวน   ลูกที่เรียนเก่ง เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูล  ลูกที่เรียนไม่ดี กลายเป็นเด็กมีปัญหาในสายตาพ่อแม่ ที่ต้องได้รับการตำหนิติเตียนจากพ่อแม่  และได้รับการเหยียดหยามจากคนในตระูกูล  

Amy Chua เล่าว่า พ่อแม่คนจีนนั้น เชื่อว่า 

  1. เรื่องเรียนต้องมาก่อน
  2. เกรด A- ใช้ไม่ได้
  3. คณิตศาสตร์ของลูกต้องก้าวหน้ากว่าเพื่อนร่วมชั้น ๒ ปี 
  4. ไม่มีการชมลูกต่อหน้าคนอื่น 
  5. ถ้าลูกของคุณมีเรื่องกับครู หรือ โค๊ช คุณต้องเข้าข้างครูหรือโค๊ชเสมอ
  6. กิจกรรมเดียวที่ลูกจะได้ีรับอนุญาตให้ทำ คือ กิจกรรมที่พวกเขา จะต้องได้เหรียญรางวัลในที่สุด
  7. และเหรียญนั้นจะต้องเป็นเหรียญทอง
เท่าที่อ่านจากประวัติของ Amy Chua  เธอเองก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยวิธีนี้  เธอเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว Chau ชาวจีนที่อพยพมาจาก ฟิลิปปินส์  คุณพ่อและคุณแม่ของเธอ มาจากครอบครัวจีนที่อพยพมาจากฝูเจี๊ยน ทางตอนใต้ของจีน  ซึ่งมีชื่อเสียงว่า เป็นแหล่งผลิตนักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์ของประเทศจีน   บรรพบุรุษของเธอนั้น เป็น โหรหลวงในจักรพรรดิเฉินจง แ่ห่งราชวงศ์หมิง และเป็นนักปราชญ์ และ กวี ในสมัยนั้น  ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่เธอมีความภาคภูมิใจ ในสายเลือด และหวงแหนในชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก   การรักษาชื่อเสียง ความสำเร็จและเป็นเลิศของวงศ์ตระกูล เป็นสิ่งที่เธอทำมาแต่เด็ก และ ส่งต่อสิ่งนั้นให้ลูกสาวทั้งสองของเธอ ด้วยการเคี่ยวกรำลูกอย่างหนัก

อีกประการหนึ่ง  Amy Chua ก็ประสบความสำเร็จในชีวิตการศึกษาอย่างสูง มาด้วยวิธีการคิด และถูกเคี่ยวกรำแบบนี้จากพ่อแม่ของเธอ  ซึ่งพ่อแม่ของเธอนั้น มีโอกาสดิ้นรนอพยพมาจากฟิลิปปินส์ มาตั้งรกรากที่อเมริกา จากความสำเร็จทางด้านการศึกษา  เรียนเก่ง จนสอบได้ทุน มาเรียนใน MIT อยู่อย่างยากลำบาก กระเบียดกระเสียร และได้มาตั้งรกราก ทำงานเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่อินเดียนา ในที่สุด   ด้วยความที่เธอและน้องๆเกิดมาในขณะที่พ่อแม่ยังไม่มั่นคง และอยู่ท่ามกลางคนอเมริกัน  เธอและน้องก็ได้รับความกดดัน จากความแตกต่างของหน้าตา เชื้อชาติ และธรรมเนียมปฎิบัติ    ดังนั้น สิ่งเดียวที่ทำให้เธอ สามารถแข็งแกร่ง ชูคอให้เป็นที่ยอมรับได้ คือ การเรียนที่เป็นเลิศ แซงหน้าเพื่อนฝูง   วิธีการเลี้ยงดูแบบคนจีนสมัยโบราณ ที่ถูกกดดัน ทำให้เธอ ประสบความสำเร็จ  และเป็นที่ยอมรับในสังคมเพื่อนๆที่มักล้อเลียนเธอเป็นประจำ      สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ สร้างจุดแกร่ง  เป็นสิ่งที่นำพาซึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจในชีวิตของเธอ   เธอจึงเชื่อว่า ต้องวิธีนี้ืเท่านั้น ที่จะทำให้ลูกทั้งสองเป็นเลิศ  และนำชื่อเสียงมาสู่ตนเอง และวงศ์ตระูกูลได้

ประเด็นที่สามที่อยากเล่าเกี่ยวกับความคิดของเธอ คือ เธอเป็นคนทีกลัวความตกต่ำของครอบครัว   เธอเล่าไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ว่า "หนึ่งในสิ่งที่ดิฉันกลัวที่สุด คือความตกต่ำของครอบครัว คนจีนมีภาษิตว่า "ความมั่นคงไม่เคยอยู่เกินรุ่นที่ ๓    ดิฉันไำม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด  ดิฉันจะไม่เลี้ยงลูกแบบตามใจ เอาแต่ใจตัวเอง ดิฉันจะไม่มีวันนั่งดูครอบครัวของตัวเองตกต่ำ"

ความคิด ความเชื่อ ความกลัว และประสบการณ์ที่่ผ่านมาในอดีต เป็นตัวขับเคลื่อนการกระทำของเธอในการเลี้ยงดูลูกอย่างเข้มงวดในหลายๆเรื่อง เช่น  การให้ลูกฝึกเปียโน และไวโอลิน และบังคับให้ลูกซ้อมทุกวัน วันละ ๖ ชม. ไม่ว่าจะในยามที่ป่วย หรือปกติ ไม่เว้นแม้แต่ตอนไปเดินทางท่องเที่ยว ทุกครั้งที่ไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ เธอต้องมาหาสถานที่ หรือเช่า ยืมสถานที่ให้ลูกซ้อมดนตรีทุกวันตามตารางที่เธอกำหนด    การเรียนวิชาคณิตที่ต้องล้ำหน้าเพื่อนๆสองปี  การเรียนภาษาจีนจนพูดได้คล่อง  การไม่อนุญาตให้ลูกออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนในเวลาพัก นอกจากการทำแบบฝึกหัดพิเศษ เพื่อให้คะแนนเป็นเลิศ 

ไม่มีความคิดเห็น: