วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

สร้างลูกให้เป็น Self Learner ด้วยการเรียนสนุกในโลกกว้าง (๕)

ระหว่างเดินทางใน Western Australia ครั้งนี้ ดิฉันมีโอกาสเห็นและสังเกตชีวิตของคนออสเตรเลีย เป็นระยะเวลาประมาณ ๑๐ วัน สังเกตว่า คนออสเตรเลียที่เจอบนท้องถนน เกือบทุกแห่ง จะมีปัญหาโรคอ้วน  อ้วนทั้งคนแ่ก่ แม่บ้าน เด็กๆ ก็อ้วนเหมือนกัน  ตามท้องถนน เต็มไปด้วยร้าน Fish & Ship หรือ ไก่ทอดชื่อดัง เบอเกอร์ชื่อดัง   และคนก็นิยมบริโภคอาหารพวกนี้ เพราะเป็นอาหารที่ราคาถูกกว่าอาหารตามภัตราคาร กินง่าย

ในภูมิภาคนี้ของออสเตรเลีย เป็นพื้นที่ค่อนข้างกันดาร เป็นดินปนทราย สีน้ำตาลอ่อน  ซึ่งไม่มีความอุดมสมบูรณ์เลย  ตอนเหนือของเมืองเพิร์ต แทบจะไม่ค่อยเห็นต้นไม้ใหญ่ เห็นแต่ทรายและพุ่มไม้เล็กๆ  เต็มไปด้วยแมลงวัน  การทำฟาร์มก็จะเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ทนอากาศแล้ง เช่น วัวเนื้อ แกะ แพะ เข้าใจว่า การปลูกพืชอาหารพวกผัก ผลไม้คงทำไม่ได้ง่ายๆ  ไปเดินในซุปเปอร์ เห็นแต่ผลไม้จาก อเมริกา อิตาลี หรือ ประเทศอื่นๆ มีผักออสเตรเลียไม่กี่อย่าง   และอาหารที่ขายในซุปเปอร์ก็ล้วนแต่เป็น อาหารกระป๋อง อาหารประเภทสำเร็จรูป Preserved Food ซึ่งมีเกลิอ หรือ น้ำตาลเยอะมาก อาจจะเป็นจากสาเหตุนี้ ที่ทำให้ นิสัยการกินอาหารของคนออสเตรเลียในแถบนี้มีปัญหา คือ เป็นโรคอ้วนกันมากเลยค่ะ
มีเพื่อนชาวเวียดนามที่ย้ายมาที่นี่ เล่าว่า แถบนี้มีปัญหาเรื่องน้ำจืด เพราะมีแม่น้ำไม่กี่สาย และที่ดินก็ไม่เหมาะกับการเพาะปลูก แม้ว่าอยู่ริมทะเล แต่ก็ไม่ค่อยมีฝนตก ดังนั้นจึงต้องประหยัดน้ำกันอย่างหนัก  บ้านที่มีสวน จะได้รับอนุญาตให้รดนำ้สัปดาห์ละ ๓ วันในเวลากลางคืน หรือก่อนสว่างเท่านั้น เวลาโฆษณาขายบ้านจะมีบอกว่า มีค่าน้ำประมาณเท่าไหร่  เข้าใจว่าค่าน้ำคงแพงมาก   และเวลาจะเพาะปลูก ต้องใส่ปุ๋ย เตรียมดินกันสุดฤทธิ์ ไม่งั้นจะไม่ได้ผล 

ร้านขายสารพัดเมล็ดกาแฟใน Frementle Market

ร้านขายเครื่องหอมใน Frementle Market

ตลาด Frementle ที่เหมือนสวนจตุจักรเล็กๆในบ้านเรา


เวลาไปที่เมืองต่างๆในแถบนี้จะไม่ค่อยเห็นคน เห็นแต่คนแก่ และเมืองเล็กมากค่ะ  เท่าที่ดูนี่ ประชากร ในแถบนี้มีไม่ถึง สิบล้านคน  เฉลี่ยพื้นที่ต่อคน นี่ คือ หนึ่งตร.กม.ต่อคน  โหรงเหรงมาก  ดังนั้น ค่าครองชีพที่นี่จึงสูงมาก เพราะคงหนักที่ค่าแรง  แรงงานไม่พอ  ที่ตลกก็คือ เวลาไปกินข้าวที่ร้าน เขาจะถามว่าจะนั่งกินในร้านไม๊ หรือจะเอากลับ  หากกินในร้านต้องจ่ายค่าใช้จาน ประมาณใบละ ๒ ดอลลาร์ หรือ หกสิบบาท (อาจจะเป็นค่าแรงและค่าน้ำล้างจานก็ได้) ห่อกลับบ้านจะถูกกว่า ที่นี่จึงส่งเสริมสนับสนุนพ่อแม่ที่มีลูกเล็กๆเลี้ยงลูกเอง เพราะเด็กเล็กๆเวลาเข้าโรงเรียน ต้องการกำลังคนที่ดูแลเยอะมาก  หากเด็กเข้าเรียนในชั้นประถม จะใช้กำลังคนน้อยกว่า   ภาครัฐจึงพยายามสร้างสถานที่ แหล่งเรียนรู้  เทคนิคต่างๆเป็นการติดอาวุธให้พ่อแม่ เพื่อนำไปใช้ในการปลูกฝังลูกน้อย


การแสดงการทำงานของการได้ยินใน SciTech



เลี้ยงจิงโจ้ตามสบายที่ Willdlife Park



น้องแชงและน้องเชียร์ดูปลากระเบนยักษ์ที่ AQWA

พิพิธภัณฑ์เรือ ที่ Frementle


หลายปีที่ผ่านมา ดิฉันเป็นแฟนรายการทีวีของ Australian Network ชื่อ Playschool (ซึ่งเพื่อนๆสามารถ Search จาก youtube ได้)  รายการนี้ดูเหมือนเป็นรายการเด็กปฐมวัยถึงอนุบาล เล่น เล่านิทาน ร้องเพลง ทำกิจกรรมศิลปะ  ซึ่งสอนพ่อแม่ ให้เล่น และทำกิจกรรมกับลูก เป็นการสอนลูกไปด้วย  นี่เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่รัฐบาลออสเตรเลีย สอนพ่อแม่ให้พัฒนาด้านการศึกษา สร้างนิสัย Self Learner ให้กับลูกน้อย สังเกตจากสถานที่ๆดิฉันพาลูกไปเที่ยวหลายๆแห่ง เช่น สวนสัตว์  พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ล้วนมีแต่แม่ หรือ พ่อ และลูกๆ ไปเที่ยว  พ่อแม่ได้พบปะพูดคุยกัน  และหลายๆคนก็เป็น Playgroup กัน สอนลูกด้วยกัน ผลัดกันไปเจอกันในบ้านต่างๆ แล้วนัดมาเล่นกัน เรียนรู้กัน ตามสถานที่ที่เป็นที่ให้ความรู้กับเด็กๆ

ภาพคุณแม่ชาวออสเตรเลียสาธิตการทดลองเรื่องแรงดึงเก้าอี้ และเมื่อปล่อย เก้าอี้ก็ตกลงมาอย่างเร็ว

ภาพพ่อแม่ชาวออสเตรเลียหย่อนใจคุยกัน ในเวลาลูกเล่นอย่างสนุกสนาน

ภาพแม่ชาวออสเตรเลีย สอนลูกเรื่องการเล่นการก่อสร้าง

ดิฉันเคยเจอเพื่อนๆที่มาจากออสเตรเลียหลายคนในเวียดนาม หลายคนเล่าว่า คนออสเตรเลียไม่ค่อยนิยมให้ลูกเข้าโรงเรียนแต่เล็กๆ แต่เลี้ยงเอง และไปเล่นกับเพื่อนๆ ตาม Playgroup  ทางรัฐบาลให้เงินเดือนจำนวนหนึ่ง ในการเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เป็นเวลาหลายปี  ซึ่งมากพอที่จะอยู่อย่างประหยัดและดูแลลูกเล็ก จนกว่าจะเข้าโรงเรียน  เด็กๆที่นี่ได้รับการปกป้องจากสังคมสูงมาก เช่นหากคนใด ทำร้ายเด็ก หรือ ให้เด็กกินเหล้า สูบบุหรี่ ก่อนวัย ๑๘ ปี  จะมีความผิดหนักมาก


เพื่อนๆหลายๆคนอาจจะคิดอิจฉาเพื่อนๆชาวออสเตรเลีย  แต่เท่าที่ดิฉันสังเกต ชีวิตคนที่นี่คงเครียดมากทีเดียว เพราะค่าครองชีพสูงมาก และเงียบเหงา การที่ต้องดูแลลูกวัยทารก ถึงวัยซน เป็นเวลาหลายปี เป็นภาระที่หนักทีเดียว  เวลาเข้าห้องน้ำ หรือ อ่านหนังสือพิมพ์ จะเห็นโฆษณาให้คำปรึกษาด้านจิตเวชเรื่องความเครียด เรื่องครอบครัว ความสำพันธ์ เยอะแยะเลยค่ะ  และสังเกตจากโรคอ้วนที่เป็นกันมาก ก็อาจจะมาจากบริโภคเกินขนาดคลายเครียดก็เป็นได้

ไม่มีความคิดเห็น: