วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ตกผลึก...จากสัมมนา เคล็ด (ไม่)ลับลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน (3)


อ่านมาถึงตอนนี้ พ่อแม่หลายๆคนอาจจะสะท้อนใจ  เพราะตอนที่เลือกโรงเรียนให้ลูก ก็มักจะสอบถาม ดูจากเทรนด์ "เค้าว่ากันว่า...อันนี้ดี  โรงเรียนนั้นดี  เด็กสมัยนี้ต้องรอบด้าน..."   เห็นหลายๆๆๆครอบครัว จัดตารางติว ตารางเรียนพิเศษของลูกแน่นเอี๊ยด ตั้งแต่เช้าจรดเย็น สุดสัปดาห์เสาร์ อาทิตย์  แถมปิดเทอมด้วย  เฉลี่ยชม.ละ 500 บาท  เรียนกันเดือนนึง 20-30 ชม. ค่าเรียนพิเศษของลูกปีนึง 2 แสนบาท  แม้เด็กจะไม่อยากเรียน ไม่สนุกที่จะเรียน อยากเลิกเรียน แต่พ่อแม่เสียดาย ลงทุนมาแล้วหลายเดือน หลายปี ไม่อยากให้ลูกทิ้งกลางคัน  กัดฟันทั้งผลักทั้งดันลูกไปเรียนให้สำเร็จ    ตอนลูกโต พนักงานหลายคน มีความสามารถทั้งดนตรี กีฬา ทั้งเต้น ทั้งร้อง แต่ทำงานไม่เป็น แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ เพราะเวลาตั้งแต่เล็กจนโต  หมดไปกับเรียนทักษะพิเศษสารพัด แต่ไม่เคยได้ฝึกช่วยตัวเอง ไม่มีทักษะการทำงาน ไม่มีทักษะการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์  ไม่อดทน และหลายๆคน ไม่มีทักษะการสื่อสาร พูดไม่เป็น เขียนก็ไม่เก่ง  แม้กระทั่ง จดหมาย อีเมลล์ ก็เขียนถูกๆผิดๆ สื่อสารไม่รู้เรื่อง    เพราะการที่เราคาดหวังจะให้ลูกประสบความสำเร็จ  มีความเพียบพร้อมนั้น มิใช่ว่าต้องใช้เงินในการซื้อความสำเร็จเพียงอย่างเดียว  แต่ต้องอาศัยเวลาของพ่อแม่ในการอบรมบ่มเพาะ เปิดโอกาส ให้เวลาฝึกฝนให้เด็กได้ลงมือทำเอง ช่วยเหลือตนเองและต่อครอบครัว ต่อสังคม รับผิดชอบชีวิตตนเองในชีวิตประจำวัน   แก้ปัญหาด้วยตนเอง

หากเราจัดเวลาให้เด็กได้มีโอกาสอยู่บ้าน ฝึกฝนการทำงานบ้าน ทำกับข้าง  จัดบ้าน ช่วยงานอืนๆ  เราจะสามารถออมเงินปีนึงก็เป็นหลักหมื่น หลักแสนเหมือนกัน  โดยไม่ต้องทำอะไรเลย   เงินจำนวนนี้ นำมาลงทุนเป็นรายเดือนให้ลูก ตามสูตรที่จะให้ต่อไป  คือเดือนละ 10,000  บาท    ในสิ้นปีที่ 5  เงินก้อนนี้ จะมีจำนวน ประมาณ 9 แสนกว่าบาท เกือบล้านทีเดียว    และหากออมต่อไป 10 ปี  15 ปี ออมลักษณะนี้ไป  เงินก้อนนี้ ก็จะมาพอที่เป็นทุนการศึกษาของลูกในระดับสูงในต่างประเทศได้   มีการคำนวณว่า ในปีที่ 30 เงินจำนวนนี้ จะเติบโต เป็นเงินจำนวน 80 กว่าล้านบาท  ลองนึกดูในวัยที่ลูกๆเติบโต  แต่งงาน  เราสามารถให้เช็ตของขวัญ เป็นเงินเริ่มต้นชีวิตของลูก จำนวน 80 ล้านบาท  เป็นเงินออมจากการที่เราไม่หลงไปกับ คำโฆษณาของเหล่าปัญญาพาณิชย์   ลูกคงไม่เสียใจหรอกค่ะ ที่เต้นบัลเล่ต์ไม่เป็น   ร้องเพลงไม่เก่ง  หรือ ไม่ได้เป็นแชมป็เหรียญทองโอลิมปิค   เงิน 80 ล้านในวันนั้น หากลูกบริหารเงินเป็น ก็สามารถทำให้ลูกเป็นอะไรก็ได้  สามารถช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ หรือ เลือกทำอะไรที่เค้าปรารถนาได้    เด็กที่ได้รับการดูแลอย่างดี  ฝึกมาอย่างดีในการช่วยเหลือตนเองรอบด้านในชีวิตประจำวัน  ช่วยสังคม เป็น Self Leaner เค้าคงไม่เหมือนเด็กทีถูกประคบประหงม เลี้ยงมาอย่างอ่อนเอ  อย่างน้อยๆ เค้าก็ถูกฝึกมาอย่างแข็งแกร่ง และสามารถสู้โลกมาได้โดยไม่ต้องพึ่งยาชูกำลัง คือ โรงเรียนกวดวิชา

แต่สูตรนี้ก็ไม่ว่ากัน สำหรับผู้ที่คิดว่า วางแผนการเงินได้ลงตัว  เพราะชีวิตคนเรานั้น มีความแตกต่าง ไม่มีใครจำเป็นต้องเอาเยี่ยงอย่างใคร  เพียงแต่ขอให้วางแผนชีวิตให้เหมาะสม อย่าได้เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง  ชีวิตต้องมองยาว  ไม่ใช่มองแต่วันพรุ่งนี้ คิดว่าอีกไม่กี่เดือนโลกก็จะแตกแล้ว  อีกไม่กี่วันน้ำก็จะท่วมแล้ว   ดังนั้น ใช้ชีวิตอย่างรอคอยวันสุดท้าย ทั้งๆที่ชีวิตยังไม่ทันเริ่มต้น  คงไม่ใช่วิธีคิดที่ดี  หากเราเกิดโชคดี มีชีวิตที่ยืนยาวถึง 80-90 ปี  เราคงไม่อยากลงเอย เป็นคนชราอนาถาในบ้านพักคนชรา อย่างน้อย เชื่อว่า เราทุกคนก็ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม  สร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น  ไม่เป็นภาระกับผู้อื่น  สามารถช่วยหลือตนเอง และมีพลังพอเพื่อสังคม จนวาระสุดท้าย  ทุกสิ่งที่เราปรารถนา เป็นจริงได้  ก็เมื่อเราวางแผนที่ถูกต้องเหมาะสม  และ ลงมือทำเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น: