วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประโยชน์ของการสอนเด็กท่องบทอาขยานและวิธีการสอนเด็ก

จะมาเขียนถึง วืธีสอนลูกเล็กๆท่องกลอน หรือ บทอาขยาน ให้ได้ประสิทธิผล เผื่อเพื่อนๆที่สนใจจะสอนลูก เพื่อเพิ่มศักยภาพความสามารถในการจดจำ

อัญเชิญพระดำรัสของ สมเด็จพระเทพฯ ข้างต้น

อ้างอิงจาก:
ถ้าให้ท่องจำในสิ่งที่เป็นความรู้หรือเป็นประโยชน์ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
โดยครูอธิบายความหมายให้เข้าใจเสียก่อนก็จะเป็นประโยชน์แก่เด็กเป็นอันมาก


ในหนังสือ "รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว แนะนำว่า

อ้างอิงจาก:
กลอนที่เลือกให้ลูกท่อง ควรเป็นกลอนสั้นที่มีจังหวะและจำได้ง่าย และเนื้อหาควรจะพัฒนาจิตใจเด็ก เพราะเป็นสิ่งที่เด็กจะจดจำไว้ เป็นของสูงและมีความงามมีคุณค่าที่จะจดจำไปตลอดชีวิต และต้องเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเด็กด้วย


วิธีการท่องคือ
- พ่อแม่ หรือ ผู้สอนคุยถึงเรื่องราว ความหมายของบทกลอนนั้นๆ เพื่อสร้างความสนใจให้เด็ก
- ท่องทีละบท วันละบท และเมื่อเริ่มวันใหม่ ก็ท่องของเก่าแล้วต่อของใหม่
- ทำแบบนี้ ทุกวัน เด็กจะจำได้เป็นร้อยๆบท

เป็นการเพื่มศักยภาพและสมรรถภาพความจำของเด็กเล็ก แต่เมื่อเด็กโต ควรหลีกเลี่ยงวิธีสอนแบบท่องจำค่ะ เพราะเด็กเล็กๆโดยเฉพาะก่อน 3 ขวบ จะมีพลังสมองในการเรียนรู้สิ่งต่างๆมหาศาล มากกว่าสมองผู้ใหญ่ และหากเด็กจดจำอะไร ก็จะมีผลต่อนิสัยใจคอ เช่นความมุมานะอดทน ความคิดสร้างสรรค์ กระตือรือร้น อีกทั้งมีผลต่อการทำงานของสมองด้วย

1 ความคิดเห็น:

Rattana MNSHANG กล่าวว่า...

น่าเสียดายที่ทราบว่า การท่องกลอนหรือบทอาขยานได้ถูกยกเลืกไปแล้ว ดิฉันคิดว่า การสอนเด็กท่องกลอน หรือ บทอาขยานนั้น นอกจากจะเป็นการลับสมอง และฝึกความจำแล้ว ดิฉันเชื่อว่า มันจะช่วยให้เด็กๆค้นพบเทคนิคในการจำของตัวเองค่ะ จริงอยู่ หากให้เด็กท่องจำมากๆ อาจจะทำให้เด็กไม่ค่อยคิดสร้างสรรค์ แต่หากทำให้สมดุล ก็จะช่วยเสริมกันได้

อาชีพหลายๆอาชีพ ต้องอาศัยความแม่นยำจำแม่น เช่น อาชีพแพทย์ หากคุณหมอต้องกางตำราวินิจฉัยคนไข้ กางตำราสูตรยา คนไข้คงเผ่นหนีตั้งแต่ยังไม่เริ่มตรวจ ดังนั้น การวินิจฉัยโรค คุณหมอต้องแม่นมากๆเรื่อง อาการของโรค วิวัฒนาการ สูตรยา และปริมาณ

เราเองก็ไม่รู้ว่าลูกโตขึ้นจะเป็นอะไร ต้องฝึกสอนให้เขามีอาวุธครบมือไว้ โดยไม่ยัดเยียดนะคะ ทำให้สนุกแล้วเขาก็ชอบเอง

ที่สำคัญ ดิฉันอ่านดูหลายๆบทที่เคยเรียนมา ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว กลับมองเห็นคุณค่าของหลายๆเรื่อง หลายบท อ่านแล้วรู้สึกถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนมธรรมเนียม รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ที่ค่อยๆเลือนหายไป ถูกกลืนไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์

พ่อแม่บางคนอาจจะมองไม่เห็นว่า บทเหล่านี้จะต่อยอดความรู้ลูกได้อย่างไร แต่หากมาดูดีๆ หลายๆเรื่อง เราก็ต่อยอดการเรียนรู้ได้ เช่น

บทกลอนเรื่องสัตว์สวยป่างาม หากสอนลูก ก็สามารถชี้ชวนลูกมาสืบค้นดูว่า สัตว์ที่ว่า ยูงทอง ละมั่ง หน้าตาเป็นอย่างไร อาศัยอยู่ที่ไหน อาจจะพาไปดูสวนสัตว์ หรือหากเกี่ยวกับพืช ก็ไปดูวิธีเลี้ยง ฝึกเพาะเลี้ยง สังเกตดูก็ได้

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ คุณธรรม ศีลธรรมจรรยาที่แฝงอยู่ในบางบท ซึ่งสามารถปลูกฝังลงในจิตใจของลูกได้ ให้รักชาติ ให้พูดเพราะ ให้รักเรียนใผ่รู้ ให้เอื้อเฟื้อแบ่งปัน ให้อดทนและมีมานะ และทำความดีเผื่อส่วนรวม ซึ่งคงช่วยให้สังคมของลูกๆในอนาคตน่าอยู่ และไม่โหดร้ายจนเกินไป หากเราช่วยกัน