วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เรียนสนุกในโลกกว้าง กินแบบไทยในตลาดน้ำอัมพวา

เป้าหมายหลักอีกที่หนึ่งที่ผู้ที่มาเที่ยวอัมพวาไม่ควรพลาดคือ การมากิน มาซื้อข้าวของ ทั้งของกิน ของฝาก ของที่ระลึกที่ตลาดน้ำอัมพวา ที่จริงแล้ว ที่นี่มีตลาดน้ำอีกแห่งคือ ตลาดน้ำท่าคา ค่ะ แต่เป็นที่ค่อนข้างเล็กกว่าที่ตลาดน้ำอัมพวา คนละแบบกัน คือ ตลาดน้ำท่าคาจะเป็นแบบ Eco Tourism หากใครอยากเห็นบรรยากาศแบบดั้งเดิม เงียบๆ และมีเส้นทางเดินชมชีวิตสวน มาที่ตลาดน้ำท่าคาจะเหมาะมากค่ะ แต่จะเปิดเฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น

ที่ตลาดน้ำอัมพวานี่ ต้องชื่นชมว่าได้ัรับการบูรณะพัฒนาหลายด้าน ทั้งทางด้านสถานที่ ก็ตกแต่งแบบย้อนยุค แต่ไม่โทรม เป็นยุคประมาณ ๕๐-๖๐ ปีก่อน ใครชอบละคอนเรื่องวนิดาบรรยากาศก็จะประมาณยุคนั้นแหละค่ะ  ใครจะมา แต่งชุดกย้อนยุค ใส่หมวกปีกกว้างมาถ่ายรูปก็กิ๊บเก๋ไม่เบา  หรือ จะมาซื้อหาเอาที่นี่ก็ได้ค่ะ  มีร้านเสื้อผ้าหลายร้าน ขายเสื้อผ้าดีไซน์ไม่เลวเลย ดูย้อนยุค เปรี๊ยวจี๊ดจ๊าด ราคาไม่แพง แต่คุณภาพไม่ค่อยดี ใส่เล่นๆได้ค่ะ แต่ใส่จริงไม่ดี





ส่วนเรื่องอาหารการกินที่นี่ก็มีหลายอย่างค่ะ เช่นอาหารทะเลปิ้งย่างจากในเรือ แล้วมานั่งกินริมฝั่ง ขนมไทยๆที่เลื่องชื่อ ไม่เสียชื่ออัมพวา ถิ่นสวนมะพร้าว  ไปซอกไหน ซอยไหน เจอแต่สวนมะพร้างครึ้มไปหมด ดังนั้น น้ำตาลปี๊บดีๆก็เยอะค่ะ  กะทิก็มาก ดังนั้น ขนมไทย อาหารไทยที่นี่ ย่อมหวานมัน ไม่เสียชื่ออัมพวาแน่นอน  หากเล็งๆดีๆ เด็กๆอาจจะได้เรียนรู้ว่า กว่าจะได้มาซึ่งอาหารไทยสารพัดชนิดนั้น ต้องใช้ฝีไม้ลายมือเพียงใด และอุปกรณ์ เครื่องปรุงมีอะไรบ้าง  ถือว่าเป็นการเรียนรู้ของเด็กๆ เรื่องการทำอาหาร เรื่องอาหารไทยต่างๆไปด้วย  สิ่งเหล่านี้ เป็นหนึ่งในวิชาที่เด็กๆต้องเรียนในอนาคต คือ ชั้นมัธยมต้น จะมีเรื่องกาพย์เห่เรือชมเครืองคาวหวาน  เรื่องราวของอาหารเหล่านี้ เด็กต้องรู้และสอบแน่นอนค่ะ  เราสอนลูกก่อน ก็ซึมซับก่อน ได้เปรียบค่ะ




ที่ตลาดน้ำอัมพวา สามารถเที่ยวได้ทั้งวันค่ะ ตอนช่วงเช้า สาย บ่าย ค่ำ มืด ก็มีตลอด ค่ำๆและกลางคืน จะมีเรือพาออกไปชมหิ่งห้อยตามสวน เที่ยวหนึ่งราคาประมาณ ๖๐ บาทต่อคน หรือ ๖๐๐ บาทต่อลำค่ะ ไปเที่ยวประมาณ ๑ ชม.  เริ่มรอบแรกประมาณ ๑๘.๓๐ น. และรอบสุดท้ายคือ  ๓ ทุ่ม  ส่วนช่วงกลางวัน จะนั่งเรื่อก็ได้ค่ะ พาไปชมวัดสำคัญๆริมน้ำ และชมชีวิตริมสองฝั่งคลอง ราคาก็ใกล้เคียงกัน คือ ประมาณ คนละ ๕๐ บาท

เพื่อนๆที่มาเที่ยว หากมาต้องอย่าลืมมองหา "อัมพวาครับ" จะเป็นซอกเล็กๆ มีร้านค้า ผับเล็กๆ แต่งแบบเก๋ๆ มีมุมถ่ายรูปย้อนยุค พร้อมกับ พร๊อพน่ารักๆ เช่น รถถีบ ตู้โทรศัพท์ ตู้ไปรษณีย์  ไว้ให้ถ่ายรูปค่ะ เก๋มากเลย











มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จำลองครัวไทยเดิม และข้าวของพื้นบ้านต่างๆที่เราใช้สอนเด็กๆได้

ว่าวจุฬา ที่เด็กเมืองกรุงอาจจะไม่มีโอกาสเห็นของจริง

จำลองเตาโบราณที่ใช้กวนน้ำตาลมะพร้าว

อีกที่หนึ่งที่อย่าลืมแวะคือ "บ้านครูเอื้อ" ค่ะ เป็นบ้านเดิมของ คุณครู เือื้อ สุนทรสนาน นักประพันธ์และศิลปินเอกผู้ก่อตั้ง วงสุนทราภรณ์ ที่ยังมีหลายเพลง เป็นอมตะ มาจนถึงทุกวันนี้  ที่นี่ยังมีของใช้ส่วนตัวหลายอย่างของท่าน และขายผลงานเพลงของสุนทราภรณ์อีกด้วย  ดิฉันเองก็ถือโอกาสเปิดเพลงสุนทราภรณ์ให้ลูกฟังค่ะ  ลูกจะได้รู้จักเพลงและรู้จักครูเือื้อ ศิลปินเอกของชาติไปด้วย


เสื้อสูทตัวเก่งและหีบเพลงของครูเือื้อค่ะ

ของใช้ส่วนตัวของครูเอื้อ

เครื่องพิมพ์ดีดที่ครูเือื้อใช้ในการสร้างผลงานสำคัญๆในอดีต เดี๋ยวนี้เด็กๆก็อาจจะไม่รู้จักเครื่องพิมพ์ดีดแล้ว





ไม่มีความคิดเห็น: