วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ลูกอนุบาล เริ่มเข้าป.๑ พ่อแม่ลูกปรับตัวกันหรือยัง (3)



เรื่องเกี่ยวกับการให้เงินค่าขนม นี่เป็นเรื่องที่เราในฐานะพ่อแม่ ต้องมีวิธีในการสอนลูกค่ะ และถือว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่เราต้องสอนลูกค่ะ มิฉะนั้น ลูกจะติดนิสัย กลายเป็นเด็กมีปัญหาเรื่องวินัยทางการเงินในอนาคต และออมไม่เป็นได้

เด็กๆที่เรียนในสถาบันที่มีความเหลื่อมล้ำทางการเงินสูงๆ หรือ เรียนในโรงเรียนที่มีลูกหลานคนมีเงินมากๆ ผปค. มักจะให้เงินจำนวนมากกับเด็ก รวมทั้งการตามใจ ซื้อของเล่น ข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง และสารพัดสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งเมื่อเด็กๆเห็น ก็อยากได้ อยากมี บ้าง และอาจจะกลายเป็นปมด้อย โดนกีดกันจากกลุ่มเพื่อน เพราะเด็กๆ ที่ผปค.ไม่ค่อยสั่งสอน เรื่องความเมตตา การเคารพให้เกียรติคนอื่น ก็จะเหยียดหยามเพื่อน ดูถูกคนอื่น (เหมือนนิสัยของผปค.)


ดังนั้น การฝึกเด็กของเราให้แข็งแกร่ง ไม่หวั่นไหวกับเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องจำเป็นค่ะ มิฉะนั้นลูกของเรา ก็จะกลายเป็นเหยื่อได้ ของดิฉันนี่ ลูกก็มีมาเล่าเหมือนกันค่ะ เพราะครอบครัวของเรา สั่งสอนลูกต่างจากครอบครัวในกทม. หลายเรื่อง เช่น การใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ เราไม่ค่อยดูทีวี เราไม่ดูการ์ตูน เราไม่ค่อยเดินเปะปะในห้างสรรพสินค้า โดยไม่จำเป็น และเราไม่ค่อยทานอาหาร Fast Food เป็นต้น ตอนที่ลูกมาเมืองไทย ใหม่ ก็มาเล่า ว่าทำไมเพื่อนทำแบบนั้น มีแบบนี้ แต่เค้าไม่มี แต่เราก็คำอธิบายค่ะ ว่า สิ่งนั้น สิงนี้ ไม่ดี อย่างไร หรือ ดีอย่างไร


พอเอาเข้าจริงๆ เราก็พาลูกไปลองดูนะคะ ลองดูการ์ตูนที่เค้าฮิตๆกัน กิน Fastfood เดินห้างสรรพสินค้า แต่ลูกก็ไม่ชอบค่ะ เพราะเราฝึกมาจนเป็นนิสัย เมื่อเค้าเจอรสชาติที่แตกต่าง ของอาหาร Fastfood เค้าก็ไม่รู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ ให้ดูการ์ตูนที่สู้กัน เค้าก็รู้สึกเครียดและกลัว เดืนห้าง ก็รู้สึกพลุกพล่าน สับสน เราจึงสรุปให้เค้ารู้ว่า สิ่งที่คนอื่นเค้า ทำกัน มีกัน มันไม่ใช่เรื่องดี ทุกเรื่อง คนแต่ละคน ก็เป็น "เหยื่อ" ของนักการตลาด เราจะใช้ชีวิตแบบไหน เราต้องเลือกในสิ่งที่คุ้มค่า และดีกับเรา ดีกับโลกของเรา มากกว่า ใช้ตามกระแส เดินตามกระแส ทั้งๆที่สิ่งเหล่านั้น มันทำลายเรา มากกว่าจะให้ประโยชน์


เรื่องการสอนลูกให้แยกแยะสิ่งดี สิ่งไม่ดี คนดี คนไม่ดี เป็นเรื่องจำเป็นค่ะ และต้องสอนแต่เล็กๆ เพราะหากโตกว่านี้ ประถมปลาย มัธยม ลูกจะไม่ฟังเราแล้วค่ะ เพราะถึงตอนนั้น เค้ารักและผูกพันกับเพื่อน กลายเป็นว่า หากคบเพื่อนดี ก็ดีไป หากคบเพื่อนไม่ดี เราอาจจะต้องพาเปลี่ยนโรงเรียนไปเลย เพื่อหนีเพื่อนที่ไม่ดี


ดิฉันมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าทางโรงเรียนจะดีเลิศเพียงใด ก็ย่อมมีเด็กบางคนที่มีปัญหา แม้ว่าจะสอนมาด้วยระเบียบ ระบบเดียวกัน แต่พื้นสันดานเด็กที่ต่างกัน และที่สำคัญคือ การดูแลเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ต่างกัน ทำให้ทุกๆโรงเรียน มีนักเรียนที่มีปัญหาค่ะ คนเรานั้นไม่ Perfect หากเด็กมีปัญหาพฤติกรรมไม่มาก หรือ ในเรื่องที่ไม่ซีเีรียส ก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่หากเด็กมีปัญหามากๆ แสดงออกพฤติกรรมที่รุนแรง หรือ พูดจาใหญ่โต โอ้อวด แบบนี้ต้องระวัง เพราะหากติดเป็นนิสัยตอนโต อาจจะกลายเป็น อันธพาลได้


ดังนั้น ทุกครั้งที่ลูกมาเล่าเรื่องเพื่อนว่า ทำไม เพื่อนพูดแบบนี้ เพื่อนคนนี้ทำแบบนั้น ดิฉันก็ฟังดูว่า เด็กมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายหรือไม่ แล้วแยกแยะให้ลูกฟังค่ะ ว่า แบบนี้ ดี แบบนี้ไม่ดี หรือไม่อย่างไร และลองถามลูกว่า ลูกจัดการอย่างไร ลูกคิดอย่างไร หลายๆครั้ง ดิฉันก็เล่าข่าว เล่านิทาน ที่เกี่ยวกับพฤติกรรม ต่างๆ เช่น คนที่ขับรถซี้ซั๊ว เห็นแก่ตัว ทำให้คนอื่นเป็นอันตราย หรือ คนฉ้อโกง คนแซงคิว และอื่นๆ มาเล่าให้ลูกฟังค่ะ เพื่อให้เห็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ต้องระวังของคน


เหมือนเราซื้อปลา เราต้องสอนลูกให้ดูว่า ปลาสด ปลาดีเป็นอย่างไร ปลาไม่สด ปลาเน่า ไม่ควรซื้อเป็นอย่างไร หากเค้ามีข้อมูลเหล่านี้ไว้ ต่อไป เค้าก็จะมีสัญชาตญาณว่า คนแบบไหน คบได้คบไม่ได้ เจอคนทำแบบนี้ เค้าจะหลบหลีก แก้ปัญหาอย่างไร

สิ่งเหล่านี้ เราต้องสอนตั้งแต่ประถมต้นนี่แหล่ะค่ะ มันจะปลูกฝังลงในจิตใต้สำนึกเลย ในขณะเดียวกัน ในฐานะผปค. เราก็ควรพูดคุย หารือกับครูของลูกบ่อยๆ  หากเรามีข้อสงสัยหรือไม่สบายใจ เพื่อขอคำแนะนำ หรือขอความร่วมมือจากครู ในการแก้ปัญหาพฤติกรรมของลูก หรือ ปัญหาของเด็กๆในห้อง มันจะช่วยป้องกันปัญหาได้มากค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการบาดเจ็บ การทะเลาะวิวาท  จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต

อยากเล่าอีกเรื่องนึง คือ ดิฉันเคยเจอเด็กป.๓ คนนึง เป็นเด็กดีค่ะ น่ารักมาก ร่าเริง คุยเก่ง เด็กคนนี้ แกเล่าให้ดิฉันฟัง เรื่องการหารายได้ของแกที่โรงเรียน

แกบอกว่า แกชอบซื้อ การ์ดการ์ตูน แบบโน้นแบบนี้ แล้วไปขายต่อให้เพื่อน ซื้อมา 3 บาท ขายต่อ สิบบาท เพราะเพื่อนอยากได้มาก เป็นต้น เด็กคนนี้ เป็นเด็กมีพรสวรรค์ ค่ะ เค้าชอบคุยกับเพื่อนๆ ผู้ชาย ผู้หญิง ว่าอะไรกำลังอินเทรนด์ เพื่อนๆกำลังสนใจเรื่องอะไร และเจ้าตัวก็เป็นคนบ้าซื้อของ เวลาไป เค้าเห็นและจำได้ว่า แบบนี้ เพื่อนๆน่าจะสนใจ เค้าจะซื้อมาขายต่อ บางอยางที่เค้าชอบ เค้าก็ไม่ขาย เค้าเอาไปอวดเพื่อน ด้วยความที่ขี้โม๊ ทำให้เค้าโม๊ จนเพื่อนอยากได้มากๆ ซื้อต่อในราคาแพง

ดิฉันเจอผปค.ของน้องคนนี้ เป็นคนธรรมดาค่ะ และไม่ได้อยากให้ลูกใช้จ่ายแบบนี้ แต่เด็กเค้าเป็นของเค้าเองแบบนี้ มีหัวการค้า มีพรสวรรค์ เลยทำมาหากิน กับเพื่อนๆนี่แหล่ะ

คำถามของดิฉันก็คือ หากเพื่อนๆของลูกของเรา เป็นแบบนี้ ลูกของเรา เห็นอะไรก็อยากได้ ฟังคำคุยโม๊ คุยโต ก็อยากได้ ซื้อของแพงเกินความจำเป็นนี่ รับกันได้ไม๊ล่ะคะ นี่เด็กแค่ป.๓ เค้าก็มากันแบบนี้แล้ว ไม่นับรวม โรงเรียนทั่วๆไป ที่อาจจะมีปัญหายาเสพติด ยาบ้า หรือ อื่นๆ เด็กประถม เค้าหลอกขายยาให้เพื่อนเสพแล้วค่ะ

การสอนลูกให้ฉลาดรู้ ภัยมนุษย์ พฤติกรรมที่ต้องระวังของตน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ นี่ เป็นเรื่องจำเป็นมากค่ะ เพราะเราเอง ก็ไม่สามารถเข้าไปล้วงลูก ช่วยลูกได้เหมือนในชั้นอนุบาลแล้วนะคะ  และก็ไม่ควรจะทำด้วย หากไม่จำเป็น  การที่เราเอาลูกเข้าโรงเรียนใด เราควรมีความเชื่อมั่นในโรงเรียนและในครู  หากมีเรื่องราวใดๆ ควรหารือ ควรแจ้งให้ครูทราบ เพื่อหาทางป้องกันแก้ไข  และให้กำลังใจ ชี้แนะลูกของเราในการจัดการกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาเรื่องเพื่อนๆร่วมห้อง ร่วมโรงเรียน

เตือนกันให้ทราบ จะได้วางแผนการสอนลูกให้ดี อย่าเน้นแต่วิชาการ การช่วยเหลือตัวเองอย่างเดียว การสอนลูกเรื่องโลก เป็นเรื่องสำคัญค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: