วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นิทานธรรมะ ฝึกอีคิว

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า...
จิตของคนเรานั้นเหมือนลิง
เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมาย จากพฤติกรรมของลิง

ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด
มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายไปในที่สุด
จนกลายเป็นว่า "กะปิถึงจะร้าย" ก็ไม่ร้ายเท่าความเกลียดกะปิ
ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะไม่ใช่เพราะกะปิ
แต่เป็นความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก

สิ่งที่เราเกลียดนั้น
บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่าความเกลียดชังในจิตใจเรา
ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูก คือความรู้สึกอยากผลักใส
ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว
แต่นั้นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น
นอกจากความอยากผลักไสแล้ว
ความยึดติดเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน

กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที
ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน
เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง
โดยใช้กล่องไม้ที่มีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ
พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้

ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิง เป็นเหยื่อล่อ
วันดีคืนดี ลิงมาที่สวน
เห็นถั่วอยู่ในกล่อง เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว
แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง
เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้
ลิงพยายามดึงมือเท่าไหร่ ก็ไม่ออก
พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้
เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายก็ถูกคนจับได้

ลิงบางตัวมีลูกเล็กบนหลัง คนก็จะฆ่าแม่ เพื่อพรากลูกของมันไปขาย
ลูกลิงหลายตัวเสียชีวิตเพราะแม่ตาย
เรียกว่า เสียชีวิตของตนและลูก เพราะกำถั่วไ้ว้ไม่ปล่อย

มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันและอยากได้
จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น
เวลาประสบกับปัญหา
เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดไว้เสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย
แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย
จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย ไม่คุ้มกับสิ่งที่ยึดติด


ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น
ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง
มันก็จะเบาทางไปได้เยอะ
บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น
หากแต่เป็นทางออกของปัญหาเลยทีเดียว

ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง
ก็เป็นการยึดติดอีกแบบหนึ่ง
ทั้งๆที่ลิงพยายามถู กำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ
ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดม หากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน
หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย
ดังลิงหวงถั่วนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: