วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ในการฝึกลูกเรื่องจิตอาสา












มาเล่าต่อ เรื่องงานจิตอาสานี่ เป็นงานที่ต้องฝืนกิเลส พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความขี้เกียจ ความรักสบาย และเรื่องอัตตาต่างๆ สถานที่ทำงานจิตอาสา มักไม่ได้ มีึความสะดวกสบายมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องห้องน้ำ ห้องท่า อาหารการกิน หรือ ความร้อน ความสกปรก สิ่งที่ต้องฝึกทำใจยอมรับเรื่องแรกคือเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก กทม. ลูกหลานคนเมือง ชินกับห้องน้ำสะอาด แอร์เย็นฉ่ำ แค่คิดเรื่องนี้ก็ถอยแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเราได้มีโอกาสพาเด็กๆไปสัมผัสจริงๆ เด็กๆเค้ารับได้ค่ะ และได้มีโอกาสเรียนรู้อะไรมากมาย 


ดิฉันพาลูกเล็กๆไปช่วยงานจิตอาสาหลายงาน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตอนแรกๆในฐานะแม่ ดิฉันก็กังวลเหมือนกัน เรื่องความสะอาด เรื่องความปลอดภัย คนมากมาย ที่โกลาหน ลูกเล็กๆอาจจะพลัดหลงไปได้ จะทำงานจิตอาสา ไหนจะห่วงลูกเรื่องคนเยอะ เรื่องความปลอดภัย ทำให้ต้องเลือกงานพอสมควร โดยเฉพาะในสถานที่ ๆที่เป็นสถานที่ปิด ที่พอดูแลความปลอดภัยของลูกได้ 

ตอนที่มองหางานอาสาสมัครใน FB ดิฉันจึงเลือกงานที่เด็กๆ ทำได้ เช่น งาน แพ็กยาของสภากาชาด งานแพ็คเม็ดพริก หรือ งานแพ็คของบริจาคที่บ้านญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ซึ่งเป็นสถานที่คนไม่ชุลมุลมาก เป็นสถานที่ปิด และงานไม่ยากเกินไป สำหรับเด็กเล็กๆ ซึ่งก็ดีมากค่ะ ลูกๆได้เรียนรู้มากกว่าที่คิด 


สิ่งแรกที่ลูกเ็ห็น คือ คนจำนวนมากมาย พี่ๆตัวเล็ก ตัวใหญ่ ใส่ชุดนักเรียน นักศึกษา ช่วยกันยกของ แพ็คของ กันมากมาย ช่วยกันคนละไม้ละมือ ด้วยกิริยา ถ้อยทีถ้อยอาศัย ลูกๆไ้ด้เห็นความเือื้อเฟื้อ เต็มอกเต็มใจของเพื่อนร่วมสังคม ที่จะช่วยเหลือเกือ้...ลผู้อื่น ลูกชายสองคนของดิฉัน ถามตลอดว่า "ทำไมคนเยอะจัง ทำไมคนเยอะจัง พี่เค้าทำอะไรกัน" สายตาน้อยๆสอดส่าย มองดูผู้คนรอบข้างทำความดี ทำงานจิตอาสา ดิฉันเชื่อว่า สิ่งที่เค้าเห็นด้วยสายตาตนเอง ที่คนช่วยกันไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย จะประทับในความทรงจำของลูก เป็นความทรงจำที่ดีงาม สร้างทัศนคติที่ดี ให้รักคนอื่น รักและขอบคุณคนในสังคมที่มีเมตตาต่อกัน 

ทุกวันนี้ หากเราอยู่ในเมือง จะประสบเหตุการณ์มากมาย ที่แก่งแย่งกัน ทั้งแย่งกันซื้อของ ขับรถไม่เคารพกฎจราจร ทะเลาะเบาะแว้ง หมั่นไส้กัน แย่งของเล่น ไม่แบ่งปัน ประสบการณ์ร้ายๆเหล่านี้ จะสร้างความรู้สึกลบ ความรู้สึกเกลียดชังในจิตใจเด็ก ว่าจะอยู่รอดในสังคม เราต้องเหยียบข้ามผู้อื่นไป ต้องต่อสู้ ต้องแย่งชิงมา ดังนั้น ในการพาลูกไปทำงานจิตอาสานอกสถานที่ เป็นโอกาสให้เด็กๆได้เห็นอีกมุมหนึ่งที่ดีงาม ของคนในสังคม ที่ทุ่มเท ช่วยเหลือเกือ้...ลกัน แทนที่จะให้เด็กๆได้เห็นแต่เรื่องราว ลบๆ ในสังคมนะคะ 



ในการทำงาน แพ็คยา หรือ แพ็คเม็ดพริก หรือ แพ็คถุงยังชีพนั้น แม้จะเป็นงานที่ไม่ยากมากนัก แต่งานแต่ละงาน ก็มีหลายขั้นตอน ดังนั้น เด็กๆได้มีโอกาสเห็นการทำงานแบบ "อุตสาหกรรม" หรือ การทำงานจำวนมาก ซึ่งเป็นการพัฒนาความคิด อีกมุมหนึ่ง กล่าวคือ

ในการแพ็คยา หรือ แพ็คพริกนั้น จะมีขั้นตอน การเอาของนั้นๆ เช่น ยา หรือ พริก มาใส่ซอง ปิดเทป เพื่อปิดซอง และใส่กล่อง และนับจำนวน แม้ว่าขั้นตอนมีเพียงแค่นี้ แต่หากการทำงานเป็นร้อยๆ หรือเป็นพันชิ้น หากมีการตัดแบ่งงานให้ทำงานคนละขั้นตอน ทำแบบทีมเวิร์ค ก็จะทำงานได้เร็วกว่า ที่จะทำงานคนเดียวทุกขั้นตอน เพราะอาจจะทำให้เกิดความสับสน รอกัน แย่งทรัพยากรกัน และผิดพลาดในการทำงาน

ดิฉันจึงใช้โอกาสนี้ สอนลูกให้แบ่งงานออกมาแต่ละขั้นตอน และเปรียบเทียบให้ดูความเร็ว ของการทำงานหลายๆวิธี ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสสอนลูกทำงานเป็นทีม และแบ่งงานไปด้วย ซึ่งถือว่า เป็นส่วนนึงของวิชา Operation Management ก็ว่าได้ การให้โอกาสเด็กๆได้มีโอกาสฝึกจากการทำงานจริงนั้น ทำให้เด็กได้มีโอกาสคิด เรื่องการทำงานให้มีประสิทธิภาพ การทำงานให้เร็ว และผิดพลาดให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจของภาคธุรกิจ

หากไม่มีเหตุการณ์ที่ต้องทำงานจำนวนมากๆ จะหาโอกาสสอนลูกเรื่องนี้ก็ทำได้ยาก ยกเว้นทางบ้านจะทำงานด้านอุตสาหกรรม


มีเหมือนกันค่ะ ที่ลูกคนเล็ก สี่ขวบ บ่นเบื่อ หรือร้อน หรือ สกปรก เวลาต้องเจอสภาพที่คนแออัดเวลามาเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเห็นพี่ๆ ทุกคนก็เจอสภาพเดียวกัน ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยกัน เค้าก็เรียนรู้เองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องธรรมชาติ คนอื่นรับได้ เค้าก็ทำได้ เป็นการฝึกนิสัยให้รู้จัก ปล่อยวาง อยู่ง่าย กินง่าย

สิ่งนึงที่สำคัญ คือ ลูกได้ฝึกเรื่องการยอมรับนับถือตนเอง ภาคภูมิใจในตนเองว่า แม้ว่า เค้ายังเล็ก แต่เค้าก็สามารถทำประโยชน์ให้ส่วนรวมได้ ทำให้ลูกเชื่อมั่น ว่าตนเองมีศักยภาพ และสามารถทำได้เหมือนพี่ๆคนอื่นเมื่อลูกโตขึ้น

ผลจากการทำงานจิตอาสามาในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี่ ก็รู้สึกว่าได้ผลดีนะคะ ในแง่ลูกมีความรับผิดชอบมากขึ้นที่บ้าน ยอมฝึกทำงานบ้าน เก็บของ ทานข้าว หรือรับผิดชอบกับชีวิตของตัวเอง เพราะการจะเป็นจิตอาสาที่ดีนั้น ต้องเริ่มต้นจากการดูแลตัวเองได้ รับผิดชอบกับหน้าที่ของตนเอง และรับผิดชอบต่อครอยครัว และช่วยเหลือพ่อแม่ และคนใกล้ชิดได้ จึงจะเผื่อแผ่ออกมาสังคมภายนอก เมื่อลูกตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเองในอนาคต ที่ต้องช่วยเหลิอ เกื้อ...ลผู้อื่นยามเกิดภัยพิบัติ ลูกก็กระตือรือร้นที่จะฝึกหัดทักษะต่างๆ มากขึ้น โดยไม่เกี่ยงงอน เช่น หัดว่ายน้ำ ช่วยล้างจาน หัดงานบ้าน เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นผลที่ดีค่ะ

อยากเชิญชวนเพื่อนๆ ให้ใช้วิกฤตนี้ ฝึกฝนลูกเรื่องจิตอาสา ฝึกลูกให้แข็งแกร่งนะคะ แล้วผลที่ได้ จะคุ้มค่าอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว

ให้กำลังใจทุกท่านค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น: