วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องเล่าจากคุณแม่ปากเปราะ ถึงคุณแม่จอมเฮี๊ยบ (5)

แม่เสือสอนลูก - Battle Hymn of  the Tiger Mother

เท่าที่วิเคราะห์จากการกระำทำต่างๆ ของ Amy Chau แม่เสือท่านนี้ เธอเป็นคุณแม่ Perfectionism มาก มีความทะเยอทะยาน คาดหวังสูง  ความคาดหวัง ทะเยอทะยานนี่  ไม่ได้เพิ่งมามีในฐานะที่เป็นแม่  แต่ มีมาตั้งแต่เด็กๆ  ที่จะต้องทำอะไรให้เป็นเลิศ  แบกรับความคาดหวังของตนเอง และพ่อแม่มาโดยตลอด  ซึ่งคงไม่ต่างกับลูกจีนในยุคสมัยของเธอ  ที่ถูกเลี้ยงมาให้แบกรับเกียรติยศ ชื่อเสียงของวงศ์ตระูกูล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะลูกคนโต  ที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องๆ    ครอบครัวชาวจีน มักชอบเปรียบเทียบลูกคนนี้ กับลูกคนอื่นๆ  และลูกเพื่อนบ้าน ลูกเพื่อนๆในสังคม    และ Amy ก็เป็นคนที่โชคดีที่สามารถทำได้ดังที่พ่อหวัง  จากการฝึกหนัก เรียนหนัก และเดินตามคำสั่งของพ่อแม่อย่างเคร่งครัด  ทำให้สิ่งนี้ เป็น Key Success Factor หรือ จุดแกร่ง ที่เธอใช้เป็นอาวุธในการฝึกลูกของเธอ

และดูจากนิสัย คำพูดต่างๆ เธอเป็นคนที่มีความเครียดสูงมาก จากนิสัย Hyper ของเธอ  ชีวิตของเธอในฐานะอาจารย์  และคุณแม่ผู้ทุ่มเทให้กับลูก รวมทั้งการทำงานเขียนหนังสือ เลี้ยงสุนัข และสังคมเพื่อนฝูง ทำให้เธอไม่ค่อยมีเวลาหย่อนใจ  เธอกล่าวว่า

"ความจริงก็คือ ดิฉันไม่เก่งกับเรื่องการมีความสุขกับสิ่งดีๆในชีวิต  ดิฉันจะเป็นคนประเภทที่มีรายการสิ่งที่ต้องทำยาวเหยียดพกติดตัวเสมอ เกลียดการนวด การนอนอาบแดด  กินลม ชมวิวแถบทะเลแคริบเบียน  ฟลอเรนซ์ (แม่สามีของเธอ) มองว่า ช่วงเวลาวัยเด็ก คือช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะมีความสุขกับมัน  ส่วนดิฉันมองว่ามันคือช่วงเวลาสำหรับการอบรมบ่มเพาะ สร้างนิสัยและลงทุนสำหรับอนาคต"

หลายๆตอนในหนังสือ แสดงให้เห็นว่า เธอและครอบครัวได้รับความกดดันอย่างหนักจากความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น และ การถูกล้อเลียน ไม่ยอมรับจากคนอเมริกัน  ทำให้เธอ และครอบครัวยิ่งยึดมั่นถือมั่นกับความเป็นคนจีน และใช้ความเป็นคนจีนนั้น มานะฝ่าฟัน บากบั่นจนประสบความสำเร็จลืมตาอ้าปากได้ และมีที่ยืนอย่างสง่างามในสังคมอเมริกัน  เธอจึงกระหายความสำเร็จ  บ้าการแข่งขัน แม้แต่เรื่องสุนัขที่หามาเลี้ยง ก็ยังกระหายที่จะรู้อันดับของสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้เล่นๆ  มีตอนหนึ่งที่เธอกล่าวไว้ เรื่องไวโอลิน เป็นเรื่องที่สะท้อนความรู้สึกของเธอเรื่องนี้ได้ดี

"ไวโอลินสำหรับดิฉันคือสัญญลักษณ์ของความเป็นเลิศ ความเป็นผู้ดี ความลุ่มลึก... สำหรับดิฉัน ไวโอลิน เป็นสัญญลักษณ์ของความเคารพในอาวุโส มาตรฐาน และความชำนาญ  สำหรับผู้ที่รู้จักมันดีจนสอนได้  สำหรับผู้ที่เล่นดีจนเป็นแรงบันดาลใจได้ และสำหรับพ่อแม่

นอกจากนี้ ไวโอลิน ยังเป็นสัญญลักษณ์ของอดีต ชาวจีนไม่เคยประสบความสำเร็จสูงสุดในดนตรีคลาสสิคตะวันตก ไม่เคยมีบทประพันธ์ดนตรีจีนชิ้นใดเท่าเทียมซิมโฟนีหมายเลข 9 ของบีโทเฟน...

ที่สำคัญที่สุดคือ ไวโอลิน เป็นสัญญลักษณ์ของการควบคุม ไม่ว่าจะความเสื่อมของตระกูล ลำดับการเกิด ชะตากรรม หรือลูก... สรุปคือ ไวโอลิน เป็นสัญญลักษณ์ของความสำเร็จของการเลี้ยงลูกแบบคนจีน"

ด้วยความคาดหวังสูง เกี่ยวกับอนาคตของลูก และการแบกรับความเชื่อที่ว่าจะต้องรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล  และการงานที่มากมาย จากอุปนิสัยที่ไม่หยุดนิ่งของเธอ  และการเก็บกดความขมขื่นในอดีตที่ถูกกดขี่ดูถูกเรื่องเชื้อชาติวัฒนธรรมที่แตกต่างจากคนอื่นในอเมริกา  ทำให้เธอมีความเครียดสูง และแสดงออกด้วยอาการก้าวร้าว เจ้าอารมณ์ และวิธีการอบรมลูกที่ค่อนข้างจะโหดกว่าคนจีนปกติ

เหตุการณ์ที่สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สอนธรรมะให้เธอได้เป็นอย่างดี คือ อาการป่วยขั้นรุนแรงของน้องสาวของเธอเอง  ในระหว่างที่เธอรบรากับลูกสาวคนเล็กขั้นแตกหัก   น้องสาวของเธอก็ล้มป่วยกระทันหัน ด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือด  และมีโอกาสรอดน้อยมาก  น้องสาวของเธอ เป็นห่วงลูกเล็กๆของเธอเอง คือลูกชายวัย 10 ขวบ และลูกสาววัยไม่ถึงขวบ   ในระหว่างที่รักษาตัว น้องของเธอ พยายามใช้เวลาีที่เหลืออยู่ในการดูแลลูกทั้งสองอย่างดี  เพื่อเป็นความรักความทรงจำให้ลูกน้อย ก่อนที่เธอจะจากไป  

ความรักและอาลัยในตัวน้องสาว ทำให้ Amy ตระหนักถึงคุณค่าของคนในครอบครัว  ไม่มีสิ่งใดที่จะมีความสำคัญไปกว่า การที่จะรักษาครอบครัวไว้ให้นานที่สุด ประจวบกับการต่อต้านรุนแรง คำพูดที่เผ็ดร้อนของลูกสาว และความห่างเหินของลูกสาว รวมทั้งสามี ที่เริ่มมีปากเสียงกับเธอเรื่องวิธีการที่เธอจัดการกับลูกจนลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าว และต่อต้านทุกรูปแบบ   ทำให้เธอต้องทบทวนการกระำทำของตนเอง และผ่อนปรน ปล่อยวาง

ในที่สุดเธอก็ยอมให้ลูกสาวคนเล็กของเธอ เลิกเล่นไวโอลิน และเป็นอิสระจากการควบคุมตารางซ้อมของเธอผู้เป็นแม่

ทั้งๆที่จริงแล้ว ลูลู ลูกสาวคนเล็กของเธอ เป็นเด็กที่มีความสามารถด้านไวโอลินสูงมาก เป็นที่ยอมรับ  และลูลูเอง ก็รักการเล่นไวโอลินมาก  แต่ประสบการณ์เลวร้ายตั้งแต่เด็กๆ ในการซ้อมไวโอลินอย่างบ้าคลั่งกับแม่ ทำให้เธอเกลียดกลัวแม่มาก   ดิฉันคิดว่าดิฉันเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนี้พอสมควร   หากเธอยังเล่นไวโอลินต่อไป  เธอก็ต้องปะทะกับสันดานบ้าแข่งขัน ซ้อมดุเดือดของแม่ ซึ่งอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและแม่เสียหายไปกว่านี้  เธอจึงเลือกที่จะเลิกเล่นไวโอลิน  ไปหัดเรียนเทนนิส ที่แม่ของเธอไม่ถนัด และไม่สามารถมาควบคุมเธอได้อีก

เป็นที่น่าเสียดาย ที่เด็กที่มีความสามารถด้านดนตรีสูงชนิดหาตัวจับยาก และรักการเล่นดนตรี ต้องเลิกเล่นดนตรีที่เธอรัก  เพราะไม่สามารถมีความสุขกับมันได้  คงอีกนานที่เธอจะสามารถมาเอาจริงเอาจังเรื่องไวโอลินได้อีก  ยกเว้น เธอจะสามารถปล่อยวางความกลัว ความเจ็บปวด จากการซ้อมอย่างบ้าคลั่ง วาจาเชือดเฉือนของแม่ที่ไม่มีความพอใจ ในอดีตได้

ไม่มีความคิดเห็น: