เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ มีหลายๆตอนที่ผู้เขียนพูดถึง ปัญหาของเด็กในการศึกษาของเกาหลี ตอนที่อ่าน ดิฉันแทบจะนึกว่า มันเป็นประเทศไทย ในปัจจุบัน ปัญหาดูคล้ายคลึงกันมาก
หนังสือเล่มนี้ เขียนโดย ดร.นัม มียอง ซึ่งท่านมีตำแหน่งเป็นถึง ผู้อำนวยการองค์กรพัฒนาการศึกษา ด้านการอ่านแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ท่านได้พูดถึงวงการการศึกษาของเกาหลีว่า
มี การสำรวจขององค์การพัฒนาการศึกษาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (KEDI) ได้สำรวจสถานการณ์ การเรียนกวดวิชา ของนักเรียนทั่วประเทศจำนวน 5,000 คน และพ่อแม่ผู้ปกครอง 3,500 คน ระหว่างปี คศ. 1999-2001 สรุปได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้การเรียนในโรงเรียนลดความสำคัญลงคือ การเรียนกวดวิชาในโรงเรียนสอนพิเศษนั่นเอง เพราะนอกจากโรงเรียนกวดวิชาจะสอนเนื้อหาที่เป็นภาคปฎิบัติแล้ว ยังแนะแนวและเฉลยคำตอบของข้อสอบให้ด้วย ซึ่งการเรียนในโรงเรียนปกติ ไม่สามารถทำหน้าที่นี้ให้สมบูรณ์ได้
ผลการวิจัยขององค์กรพัฒนาด้านการศึกษาด้านการอ่านแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (KREDI) แสดงให้เห็นว่า ความทุกข์ของเด็กนักเรียนเกาหลี มีสาเหตุดังนี้
- ไม่มีโปรแกรมให้เตรียมตัวก่อนเข้าบทเรียน
- ครูกับนักเรียน และนักเรียนด้วยกันเอง พูดกันไม่รู้เรื่อง (เพราะปัญหาเรื่องทักษะการสื่อสารที่ด้อยลง ที่จะพูดถึงต่อไปในตอนหน้า)
- การเรียนการสอนดำเนินไป โดยไม่มีโปรแกรมที่ช่วยยกระดับความสามารถในการเรียนของนักเรียนที่เรียนอ่อน
- เคยเรียนกวดวิชาในเรื่องนั้นมาก่อน ทำให้การเรียนในโรงเรียนปกติลดความสำคัญลง
- ไม่มีโปรแกรมการเรียนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
- ไม่มีโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถเฉพาะตัว
- เพื่อนกลายเป็นคู่แข่งกันเอง (เพราะการแข่งขัน แย่งที่เรียนกัน ทำให้มองเพื่อนทุกคนคือ ศัตรู)
- ครูขาดความมั่นใจในตนเอง (เพราะนักเรียนไม่สนใจครูที่สอนในโรงเรียน ไม่สนใจการเรียนในโรงเรียน)
ผลการวิจัยขององค์กรพัฒนาด้านการศึกษาด้านการอ่านแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (KREDI) แสดงให้เห็นว่า ความทุกข์ของเด็กนักเรียนเกาหลี มีสาเหตุดังนี้
- ไม่มีโปรแกรมให้เตรียมตัวก่อนเข้าบทเรียน
- ครูกับนักเรียน และนักเรียนด้วยกันเอง พูดกันไม่รู้เรื่อง (เพราะปัญหาเรื่องทักษะการสื่อสารที่ด้อยลง ที่จะพูดถึงต่อไปในตอนหน้า)
- การเรียนการสอนดำเนินไป โดยไม่มีโปรแกรมที่ช่วยยกระดับความสามารถในการเรียนของนักเรียนที่เรียนอ่อน
- เคยเรียนกวดวิชาในเรื่องนั้นมาก่อน ทำให้การเรียนในโรงเรียนปกติลดความสำคัญลง
- ไม่มีโปรแกรมการเรียนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
- ไม่มีโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถเฉพาะตัว
- เพื่อนกลายเป็นคู่แข่งกันเอง (เพราะการแข่งขัน แย่งที่เรียนกัน ทำให้มองเพื่อนทุกคนคือ ศัตรู)
- ครูขาดความมั่นใจในตนเอง (เพราะนักเรียนไม่สนใจครูที่สอนในโรงเรียน ไม่สนใจการเรียนในโรงเรียน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น