วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

รู้จัก "โอริงามิ" ศิลปะพับกระดาษแสนสนุก ฝึกสมองลูก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 เมษายน 2553


เชื่อว่าเด็กๆ แทบทุกคนจะต้องเคยผ่านการเล่น "พับกระดาษ" กันมาบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นการพับแบบง่ายๆ ที่ได้วิชามาจากโรงเรียนบ้าง คุณพ่อคุณแม่สอนบ้าง ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเครื่องบิน นก เต่า กบ เป็นหลัก แต่ปัจจุบันการพับกระดาษเป็นรูปต่างๆ มีความซับซ้อน และแบบแผนมากขึ้น ส่วนหนึ่งด้วยเพราะไทยรับเอาศิลปะการพับกระดาษจากดินแดนซากุระที่มีชื่อ เรียกเฉพาะตัวว่า "โอริงามิ" (Origami) เข้ามาและนำมาผสมผสานจนกลายเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งซึ่งน่าสนใจไม่น้อย และมีพ่อแม่บางครอบครัวนำศิลปะดังกล่าวมาเป็นกิจกรรมในครอบครัว

"ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ" นักวิชาการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์การพับกระดาษโอริงามิ อธิบายว่า "โอริงามิ" เป็นชื่อญี่ปุ่นเรียกถึงการพับกระดาษในรูปแบบต่างๆ มีจุดกำเนิดในญี่ปุ่นเมื่อ 50 ปีก่อน เป็นกิจกรรมยามว่าง และศิลปะที่เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่สมัยก่อนจะนิยมพับกระดาษ เพื่อนำไปประดับตกแต่งในพิธีกรรมทางศาสนา จนกลายเป็นกิจกรรมของคนทั่วไป และโด่งดังระดับโลก

อย่างไรดี มีข้อสันนิษฐานกันว่า เกิดขึ้นในจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น ขยายตัวมายังเกาะญี่ปุ่น และเกาหลีในกลุ่มชนชั้นสูง รวมถึงซามูไร จนกระทั่งปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่นชื่อ “อาริกะ โยชิซาวะ” ออกมาโชว์ผลงานที่แหวกแนวคลาสสิก และทำให้นักพับกระดาษในญี่ปุ่น และนักพับกระดาษทั่วโลกเริ่มรู้ว่าการพับกระดาษเป็นอะไรได้มากกว่าการพับนก

สำหรับไทย เมื่อ 30-40 ปีที่ผ่านมา การพับถุงใส่กล้วยแขก ถือเป็นจุดเริ่มต้นการพับกระดาษของไทย จากนั้น 20 ปีต่อมา มีองค์กรญี่ปุ่น (Japan Foundation) เข้ามาเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่นในไทย โดยส่งวิทยากรมาสอนพับกระดาษ ทำให้เกิดนักพับกระดาษไทยรุ่นใหม่ และมีการก่อตั้งชมรมนักพับกระดาษไทย จนได้รับความนิยมในไทยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา

"โอริงามิไม่ใช่แค่การพับเล่นๆ หรือเป็นงานศิลปะเท่านั้น แต่สามารถเปลี่ยนกระดาษ 1 แผ่นธรรมดา ออกแบบการพับให้แยบยลกลายเป็นรูปร่าง 3 มิติที่ใช้เป็นทั้งของเล่น สื่อการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ รวม ทั้งนำไปใช้จำลองนวัตกรรมของแผงพลังงานโซล่าเซลล์ที่ใช้ในอวกาศ โดยญี่ปุ่นนำมาใช้เพื่อประหยัดพื้นที่การบรรจุในจรวด สำหรับการส่งออกไปนอกโลก

นอกจากนี้ ยังนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ สามารถใช้สอนเรื่องสมมาตร รูปร่างรูปทรงเรขาคณิต วิทยาศาสตร์ใช้เป็นสื่อการสอนเรื่องโครงสร้าง แบบจำลอง ส่วนวิชาศิลปะใช้สอนเรื่องการออกแบบรูปร่าง และผลงานที่มีความสวยงาม หรือแม้แต่วิชาอื่นก็ทำได้ ถือเป็นการเชื่อมโยงจินตนาการ และเหตุผลเข้า ด้วยกันได้เป็นอย่างดี


"มีครูอนุบาลที่จังหวัดเชียงใหม่ใช้การพับ กระดาษแบบโอริงามิ พับเป็นรูปปากที่สามารถขยับได้ ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนในการอ่านออกเสียงวิชาภาษาไทย ดึงใจให้เด็กนักเรียนสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการเรียน และตั้งใจเรียนหนังสือมากขึ้น ในต่างประเทศได้นำโอริงามิไปรักษาเด็กสมาธิสั้น (ไฮเปอร์) และบำบัดร่างกายให้กับเด็กออทิสติก เพื่อช่วยให้เกิดการขยับกล้ามเนื้อ การสื่อสารกับคนรอบข้าง ที่สำคัญคือ การมีสมาธิที่แน่วแน่" ดร.บัญชากล่าว

อย่างไรก็ดี ดร.บัญชา สะท้อนให้ฟังถึงการใช้ประโยชน์จากโอริงามิกับเด็กยุคใหม่ว่า เด็กอายุ 6-10 ขวบขึ้นไป จะเริ่มติดเกม พ่อแม่ส่งเสริมให้ลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ทั้งเรียนพิเศษ เดินห้างสรรพสินค้า แต่ศิลปะการพับกระดาษแบบโอริงามิ เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะกิจกรรมที่ทำร่วมกันที่บ้าน อีกทั้งมีต้นทุนต่ำ แต่สิ่งที่ทุกคนในครอบครัวจะได้รับอย่างมาก คือ การได้ร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน การได้พูดคุยกัน การฝึกให้ลูกคิดสร้างสรรค์

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นเด็กเล็ก จะช่วยในเรื่องของการฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง รวมทั้งเป็นการพับที่ต้องเกิดจากการสั่งงานของสมองทั้งสองซีก ให้ทำงานไปพร้อม ๆ กัน ขณะที่มือกำลังพับกระดาษระบบสมองก็มีการคิดตามอย่างเป็นระบบ โดยที่ไม่ต้องให้ลูกไปเรียนพิเศษ หรือทำกิจกรรมที่เคร่งเครียดจนเกินไป

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

ที่มาของชื่อเดือนแต่ละ เดือน

เคยสงสัยหรือไม่ว่าชื่อเดือนแต่ ละเดือนที่คนไทยใช้กัน ทั้ง 12 เดือน คือ มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน...ไปจนถึงธันวาคมนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร ? ใครช่างอัจฉริยะตั้งมาได้ ?

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

เก็บของ เจอสรุปหลักภาษาไทย ป.1 มาฝากค่ะ

อันนี้เป็นของฝากของคุณ myson711

"วันนี้ เจอสรุปของลูก ที่ แม่+ลูก เคยช่วยกันทำไว้ นำมาฝากทุกๆท่านค่ะ

เป็นหลักภาษาไทย น่าจะเทียบได้ประมาณ ชั้น ป.1

วิธีการใช้ ให้สนุก เน้นเข้าใจ (ไม่เน้นท่องจำ) เกี่ยวกับอักษร 3 หมู่ "





ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ของดีๆ เอามาเก็บไว้ในนี้ เผื่อเพื่อนๆคนไหนหาอ่าน จะได้ใช้ได้ เป็นประโยชน์กับส่วนรวม

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโลกของเรา



โลกเกือบกลมใบนี้ถือกำเนิดขึ้น ตั้งแต่เมื่อประมาณ 4,540 ล้านปีก่อน ในฐานะดาวเคราะห์ดวงหนึ่งของระบบ สุริยะ (Solar system) ที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง โลกมีสารพัดเรื่องราวให้มนุษย์ได้ศึกษาทำความเข้าใจกันอย่างไม่มีวันจบสิ้น หลายๆ เรื่องราว หลายๆ ข้อมูลเป็นสิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้หรือแทบจะนึกไม่ถึงมาก่อน แต่ถ้าได้ลองเก็บมานั่งทบทวนดูแล้ว เราจะพบความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ได้อีกมากเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นเรื่องดังต่อไปนี้

รวมเรื่อง "แรกๆ" ของเมืองไทย

ในสมัยเด็กๆ หลายคนอาจจะต้องท่องจำว่า ใครคือนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่งเพลงสรรเสริญพระบารมี ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนก็ยังจำได้อยู่ แต่หลายคนก็อาจจะลืมเลือน ดังนั้น เพื่อเป็นการทบทวนความจำ ทั้งความรู้เก่าและเกร็ดความรู้ใหม่ ที่บางคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับประเทศไทย จึงขอนำเกร็ดความรู้บางส่วน มาเพื่อเสนอดังต่อไปนี้

* แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ "จินดามณี" แต่งโดย พระมหาราชครู กวีในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์ปี พ.ศ.2199 - 2231)

* ถนนสายแรกในเมืองไทย คือ ถนนเจริญกรุง (New Road) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ.2404 โดยต่อมาได้มีการตัดถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร รวมทั้งถนนพระราม 4 และถนนสีลม ในเขตชานพระนคร


* น้ำแข็งเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประมาณ พ.ศ.2410 สันนิษฐานว่า ผลิตที่สิงคโปร์แล้วส่งมาถวาย โดยใส่..บกลบขี้เลื่อย คนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น ไม่เชื่อว่าจะทำน้ำแข็งได้จริง ถึงกับออกปากว่า "จะปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างไร"


* พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่เสด็จประพาสต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเสด็จประพาสสิงคโปร์เป็นแห่งแรก เมื่อปี พ.ศ.2413 และเสด็จชวาด้วย


* ผู้ที่ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระบารมี คือ สมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ โดยมี นายปโยตร์ ซูโรฟสกี้ (Pyotr Shchurovsky) ชาวรัสเซีย แต่งทำนองเพลงขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2431


* ธนบัตรหรือเงินกระดาษของไทย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 พิมพ์ออกใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2445 โดยก่อนหน้านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการผลิตธนบัตร หรือเงินกระดาษออกใช้เป็นครั้งแรก ในเมืองไทยแล้ว เมื่อปี พ.ศ.2396 แต่เรียกว่า "หมาย" ทำด้วยกระดาษปอนด์สีขาวรูปสี่เหลี่ยม พิมพ์ลวดลายด้วยหมึกทั้งสองด้าน และประทับตรา พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตราจักร และพระราชลัญจกรประจำรัชกาลสีแดงชาด (ลัญจกร อ่านว่า ลัน-จะ-กอน แปลว่า ตราสำหรับใช้ตีหรือประทับ ราชาศัพท์ใช้คำว่า พระราชลัญจกร)

(คลิ กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
* ผู้ที่คิดออกลอตเตอรี่เป็นคนแรกในเมืองไทย คือ มิสเตอร์ เฮนรี่ อาลบาสเตอร์ (ต้นตระ...ล "เศวตศิลา") ชนชาติอังกฤษ เป็นผู้นำลักษณะการออกรางวัลสลากแบบยุโรปมาเผยแพร่เป็นคนแรก โดยเรียกว่า "ลอตเตอรี่" โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กรมทหารมหาดเล็กออกลอตเตอรี่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2417 เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา


* คนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน คือ พระบรม วงศ์เธอ กรมพระยากำแพงเพชรอัครโยธิน โดยประทับเครื่องบินออร์วิลไรท์ คู่กับกัปตัน มร.เวนเดนเปอร์น ซึ่งขับวนเวียนเหนือสนามราชกรีฑาสโมสร เป็นเวลา 3 นาที 45 วินาที เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2453 เป็นเครื่องบินที่บริษัทฝรั่งเศสนำมาแสดง ณ ราชกรีฑาสโมสร (สนามม้านางเลิ้ง) ซึ่งถือว่าเป็นสนามบินแห่งแรกที่ใช้ในการบินของเมืองไทยด้วย


* พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ทรงผ่านการศึกษาจากต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เมื่อปี พ.ศ.2436 - 2445 รวมระยะเวลา 9 ปี


* นามสกุลหมายเลข 1 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงคิดพระราชทานคือ นามสกุล "สุขุม" พระราชทานเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2456 ต้นสกุลคือ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)


* ผู้ที่ให้กำเนิดรถแท็กซี่ขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกคือ พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นรถยนต์นั่ง (รถเก๋ง) ยี่ห้อออสติน จำนวน 4 คัน เปิดบริการรับจ้างครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2466 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ในสมัยนั้นเรียกว่า "รถไมล์"


* ประเทศไทยเริ่มนับเวลา ตามแบบสากลครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยแต่เดิมเรานับเวลาตอนกลางวันเป็น "โมง" และตอนกลางคืนเป็น "ทุ่ม" พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงให้เปลี่ยนมาเรียกว่า "นาฬิกา" (เขียนย่อว่า "น.") และให้นับเวลาทางราชการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมสากลนิยม โดยให้ถือว่าเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นเวลาเปลี่ยนวันใหม่ และให้ถือเวลาที่ตำบลกรีนิช ประเทศอังกฤษเป็นมาตรฐาน ซึ่งเวลาในประเทศไทย เป็นเวลาก่อนหรือเร็วกว่าเวลาที่กรีนิช 7 ชม. เช่น ไทยเป็นเวลา 19.00 น. ทางกรีนิชเท่ากับ 12.00 น. เป็นต้น


* ผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก คือ มิสเตอร์เอ็ดวิน แมกพาแลนด์ ยี่ห้อเรมิงตัน

* นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยคือ พระยามโน ปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2475 - 20 มิถุนายน พ.ศ.2476 ส่วนนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งคือ นายควง อภัยวงศ์ หลังจากที่เข้าดำรงตำแหน่งได้ประมาณ 1 เดือนเศษ ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2491 ได้ถูกคณะนายทหารเข้าพบ เพื่อขอร้องแกมบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับเข้าเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3


* ยศสูงสุดของทหารไทยคือ ยศจอมพล แต่ปัจจุบันไม่มีการแต่งตั้งแล้ว ยศสูงสุดทางทหารในปัจจุบันคือ "พลเอก" ผู้ที่เป็นจอมพลคนแรกของไทยคือ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภานุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นต้นสกุล "ภาณุพันธุ์" ส่วนจอมพลคนแรกในระบอบประชาธิปไตย คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม และคนสุดท้าย ที่ดำรงตำแหน่งจอมพลในระบอบประชาธิปไตยคือ จอมพลประภาส จารุเสถียร เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2516 (สำหรับพระมหากษัตริย์ จะทรงดำรงตำแหน่ง "จอมทัพไทย")


* ผู้ประพันธ์เพลงชาติไทยในปัจจุบัน คือ พระเจน ดุริยางค์ (ปิติ วาทยากร) เป็นผู้แต่งทำนอง และหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง เมื่อ พ.ศ.2483


* ผู้ที่คิดฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โดยได้ทรงค้นคิดและวิจัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 และทรงถ่ายทอดแนวพระราชดำริ และผลการวิจัยแก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตร จนมีการทำฝนหลวงพระราชทานครั้งแรก ในปี พ.ศ.2512


* มกุฎราชกุมารพระองค์แรก ที่ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบกคือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร


* สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรก ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทรงจบอักษรศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปี พ.ศ.2519


* คนไทยคนแรก ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสมัชชาใหญ่ แห่งสหประชาชาติคือ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2499


* ผู้นำไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ คือ นาย อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 ของไทย ได้รับในสาขางานบริการภาครัฐบาล ประจำปี พ.ศ.2540

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

Problem Solving : ทักษะพื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ในช่วงปฐมวัย

อันนี้เป็นบทความที่คุณ3.14159+ จัดหามาฝากเพืือนๆในเวบบอร์ดค่ะ ดิฉันเห็นว่าเป็นบทความที่ดี เป็นประโยชน์ จึงเอามาเก็บรวบรวมไ้ว้ให้เพื่อนๆรุ่นหลังต่อไป

เทคนิคการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ในมุมมองของเด็กๆ

ได้อ่านเรื่องนี้ในเวบบอร์ด ห้องเรียนของลูกโดยคุณmyson711 เห็นว่าเป็นเรื่องราวที่ดีและเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆรุ่นหลัง จึงขออนุญาตนำเอามาเก็บไว้ในเวบบล็อก จะได้ค้นหาง่ายๆต่อไป